รายงานข่าว แจ้งว่า ศาลปกครองกลางนัดอ่านคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดในคดีที่ สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน กับพวกรวม 545 คน ยื่นฟ้อง บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) กับพวกรวม 6 คน กรณีหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติและการกระทำละเมิดหรือความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย ในวันที่ 25 ก.พ.64 เวลา 13.00 น.
สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน กับพวก ฟ้องว่า AOT กับพวกไม่ได้กำหนดมาตรการคุ้มครองสิทธิของผู้ฟ้องคดีกับพวก ซึ่งเป้นผู้ได้รับผลกระทบต่อโดยตรงจากมลภาวะทางเสียงของเครื่องบินอันเนื่องมาจากการเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิ โดยมิได้เปิดโอกาสให้ประชาชนผู้มีส่วนได้เสียเข้าร่วมในการศึกษาหรือประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม ทั้งที่ผู้ฟ้องคดีกับพวกได้ร้องเรียนกรณีดังกล่าวไปยังหน่วยงานต่างๆ แล้วแต่ไม่ได้รับการแก้ไข เป็นเหตุให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเสียหาย
ก่อนหน้านี้ ศาลปกครองชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง เนื่องจาก AOT ได้จัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) และจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพิ่มเติม ซึ่งผู้ฟ้องคดีและประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการเปิดดำเนินการของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิก็มิได้โต้แย้งหรือคัดค้านการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมของ AOT ในขั้นตอนของการดำเนินงานหรือภายหลังจากที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติได้ให้ความเห็นชอบ และ AOT ไม่จำต้องนำโครงการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไปดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนแต่อย่างใด
ทั้งโครงการสนามบินสุวรรณภูมิตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏยังไม่ถึงขั้นมีมลพิษร้ายแรงเป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชน ซึ่งอยู่ในวิสัยที่ปรับปรุงแก้ไขได้ การที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติไม่ประกาศให้สนามบินเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษ จึงมิได้เป็นการละเลยต่อหน้าที่ ซึ่งหากการกำหนดห้ามบินในเวลากลางคืนอาจส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วนในวงกว้าง ซึ่งมีผลเสียมากกว่าเมื่อเทียบกับการคุ้มครองสิทธิในการพักผ่อนของประชาชนโดยรอบของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และเสียงมีค่าเกินมาตรฐานเพียงเล็กน้อยบางช่วงเวลา จึงไม่มีเหตุให้ผู้ถูกฟ้องคดีต้องระงับการให้บริการขึ้นลงของเครื่องบินทุกประเภทในช่วงเวลา 12.00 น.จนถึงเวลา 05.00 น.ดังกล่าว