จอห์น ถัง รัฐมนตรีคลังฮ่องกงเปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อในฮ่องกงอาจพุ่งขึ้นอย่างมากสุดที่ 2% ในปีนี้ ซึ่งสูงกว่าระดับที่ได้คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากเงินสกุลดอลลาร์ฮ่องกงที่อ่อนค่าลงได้ทำให้ราคาสินค้านำเข้า เช่นอาหาร ปรับตัวสูงขึ้นตามมา
นายถังกล่าวในการประชุมด้านการเงินว่า "ตัวเลขคาดการณ์ทางเศรษฐกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งล่าสุดนี้เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ว่าประมาณการเงินเฟ้อของฮ่องกงในปีนี้อาจเพิ่มขึ้นอีก 0.3% - 0.5% จากระดับที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 1.5%"
"ตัวเลขคาดการณ์ที่เพิ่มสูงขึ้นยังอยู่ในระดับปานกลางที่ทำให้เศรษฐกิจฮ่องกงมีระดับการขยายตัวโดยเฉลี่ยที่กว่า 7% ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งจะเห็นได้ว่าฮ่องกงจะประสบภาวะเงินเฟ้อจากสินค้านำเข้าเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ขณะที่เงินหยวนของจีนแข็งค่าขึ้น ประกอบกับราคาอาหารปรับตัวสูงขึ้นทั่วโลก"
ภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วอาจทำให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่าย ซึ่งเป็นเหตุให้การเติบโตทางเศรษฐกิจหยุดชะงักลง ซึ่งภาวะดังกล่าวจะบั่นทอนรายได้จากการลงทุนในตลาดหุ้น และการลงทุนในสินทรัพย์คงที่ รวมถึงหลักทรัพย์ประเภทอื่นๆ
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ทางการฮ่องกงได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้ขึ้นเป็น 5-6% จากที่ประมาณการณ์ไว้ในก่อนหน้านี้ที่ระดับ 4.5-5.5% โดยในครึ่งปีแรกนี้ เศรษฐกิจขยายตัวขึ้น 6.3%
"ภาวะเงินเฟ้อที่ปรับเพิ่มขึ้น 2% นั้นมิได้อยู่ในระดับที่ทำให้ต้องวิตกกังวล" พอล ถัง นักวิเคราะห์จากธนาคารแบงก์ออฟอีสต์ เอเชียในฮ่องกงกล่าว "ตัวเลขเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นอาจเป็นผลมาจากต้นทุนด้านการนำเข้าสินค้า ราคาอาหารที่เพิ่มสูงขึ้น และค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ซึ่งจะเกิดขึ้นในชั่วระยะหนึ่งเท่านั้น"
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--