นายไกรสีห์ กรรณสูต ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) กล่าวว่า รัฐบาลควรชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจถึงความจำเป็นของประเทศที่จะต้องมีการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าเพิ่มเติมเพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น โรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง หรือโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
เนื่องจากปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยซึ่งสามารถควบคุมดูแลไม่ให้เกิดปัญหามลพิษต่อสิ่งแวดล้อมเหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับโรงไฟฟ้าแม่เมาะ จ.ลำปาง โดยประเทศฮ่องกงและไต้หวันที่มีพื้นที่เป็นเกาะก็ใช้เทคโนโลยีดังกล่าว อีกทั้งถ่านหินที่นำเข้ามาจากต่างประเทศก็มีการรับประกันคุณภาพว่าไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
เมื่อวานนี้(3 ก.ย.) กลุ่มชาวบ้านใน จ.ระยอง รวมตัวกันปิดถนนสายสุขุมวิท เพื่อประท้วงคัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินของ บมจ.ไออาร์พีซี(IRPC) เพราะเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อชีวิตและสภาพแวดล้อม
นายไกรสีห์ เชื่อว่า หากมีการชี้แจงทำความเข้าใจแล้วประชาชนในพื้นที่ยังคัดค้านอยู่ ผู้ประกอบการคงไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้
ผู้ว่าการ กฟผ.กล่าวว่า ในระยะ 7-8 ปีข้างหน้า ไทยมีความจำเป็นต้องลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเพิ่มอีก 3-4 แห่ง และสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในอีก 15 ปีข้างหน้า เนื่องเป็นพลังงานที่เลือกอื่นที่จะเข้ามาทดแทนน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่กำลังร่อยหรอลงไป ขณะที่ถ่านหินยังมีสำรองเพียงพอที่จะใช้ได้อีกนาน 200 ปี
ขณะที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าของไทยจะเพิ่มขึ้นปีละ 5-6% แต่การนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้ในการผลิตไฟฟ้าและการซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้านก็มีข้อจำกัด
--อินโฟเควสท์ โดย อตฦ/ธนวัฏ/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--