นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงการจดทะเบียนธุรกิจจัดตั้งใหม่ในเดือนม.ค.64 ว่า มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วน, บริษัทใหม่ทั่วประเทศ 7,283 ราย เพิ่มขึ้น 4.91% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มียอดจดทะเบียน 6,942 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 30,930.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 90.26% ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 634 ราย คิดเป็น 9% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 299 ราย คิดเป็น 4% และอันดับ 3 คือ ธุรกิจขนส่งและขนถ่ายสินค้า 192 ราย คิดเป็น 3%
ส่วนธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการในเดือนม.ค.64 มี 1,105 ราย โดยประเภทธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 100 ราย คิดเป็น 9% รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 52 ราย คิดเป็น 5% และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 39 ราย คิดเป็น 4%
ส่งผลให้ยังมีธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ ณ วันที่ 31 ม.ค. 64 จำนวน 775,253 ราย มูลค่าทุน 19.22 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 188,595 ราย คิดเป็น 24.33% บริษัทจำกัด 585,374 ราย คิดเป็น 75.51% และบริษัทมหาชนจำกัด 1,284 ราย คิดเป็น 0.17%
อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวถึงการลงทุนประกอบธุรกิจในไทย เดือนม.ค.64 ภายใต้ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวว่า มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น 49 ราย แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจ 21 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ 28 ราย โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 10,748 ล้านบาท
สำหรับนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด ได้แก่ ญี่ปุ่น 20 ราย เงินลงทุน 3,746 ล้านบาท รองลงมา ได้แก่ สิงคโปร์ 7 ราย เงินลงทุน 275 ล้านบาท และจีน 4 ราย เงินลงทุน 1,399 ล้านบาท