นายยรรยงค์ ไทยเจริญ ผู้บริหารทีมนโยบายเงินทุนและดุลการชำระเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)มองว่า ความเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยในระยะสั้น คือ การไหลเข้า-ออกของเงินทุนเคลื่อนย้าย ซึ่งจะส่งผลทำให้ค่าเงินบาทผันผวน และการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะสหรัฐ รวมถึงปัญหาซับไพร์ม ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ทำให้การส่งออกของไทยชะลอตัวลง
ส่วนความเสี่ยงในระยะยาว คือการสะสมของปัญหาที่เกิดจากความไม่สมดุลของเศรษฐกิจโลก ทำให้สภาวะเศรษฐกิจและการเงินของโลกผันผวนเพิ่มขึ้น
นายยรรยง กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยมีโอกาสฟื้นตัวในไตรมาส 4/50 เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/50 เนื่องจากการบริโภคที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลจากการเลือกตั้งที่จะทำให้มีเม็ดเงินเข้ามากระตุ้นการใช้จ่าย ประกอบกับการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ 4% ในวันที่ 1 ต.ค.นี้ รวมทั้งการที่ครม.อนุมัติเพิ่มวงเงินค่าลดหย่อนดอกเบี้ยซื้อบ้านจาก 5 หมื่นบาทเป็น 1 แสนบาทในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ธปท.ยังประมาณการว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้น่าจะขยายตัวได้ในระดับ 4-5% จากครึ่งปีแรกที่ขยายตัวเฉลี่ย 4.3% และปี 51 คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 4.5-6.0% จากการลงทุนของภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้น โดยมองว่าการลงทุนจะขยายตัว 7.5-8.0% จากที่ขยายตัว 1.5-2.5% ในปีนี้
"ปีหน้าจะเติบโตได้ดีแต่ในปีนี้การใช้จ่ายในไตรมาส 3 จะชะลอลงซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่จะกลับมาฟื้นตัวอีกทีในไตรมาส 4 ส่วนแนวโน้มการส่งออกในปีนี้และปีหน้ายังคงอยู่ในแนวโน้มชะลอตัวตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะสหรัฐ" นายยรรยงค์ กล่าวในการสัมมนา"การบริหารความเสี่ยงยุคใหม่"
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/จำเนียร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--