ธนาคารยูบีเอสเปิดเผยว่า ธนาคารกลางจีนไม่สามารถควบคุมช่วงขาขึ้นในตลาดหุ้นเอ-แชร์ ด้วยการใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงินได้ เนื่องจากมาตรการดังกล่าวยังไม่มีแนวโน้มว่าจะสามารถควบคุมเม็ดเงินลงทุนที่เพิ่มมากขึ้นได้ ตราบใดที่ตลาดหุ้นจีนยังมีปัจจัยหนุนมากมายที่ส่งให้ดัชนีทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
โจนาธาน แอนเดอร์สัน นักวิเคราะห์จากยูบีเอสกล่าวในรายงานการวิจัยว่า "ขณะนี้ธนาคารกลางจีนยังยืนยันที่จะใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงินในตลาดหุ้น โดยให้เหตุผลว่า มาตรการดังกล่าวสามารถนำใช้เพื่อควบคุมราคาสินทรัพย์"
ยูบีเอสเงินกล่าวว่า "กองทุนส่วนใหญ่ที่นำมาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เป็นเงินที่ได้รับการจัดสรรจากเงินกองกลางในระบบเงินฝาก โดยธนาคารกลางยังไม่มีมาตรการควบคุมเงินจำนวน 37 ล้านล้านหยวนจากระบบเงินฝากที่นำมาใช้ซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์"
"และแม้ว่าปริมาณหุ้นหมุนเวียนในกระดานขณะนี้จะปรับตัวสูงขึ้นจนมีมูลค่า 8 ล้านล้านหยวนมาตลอดช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา แต่มูลค่าเงินลงทุนในตลาดหุ้นยังคงมีน้อยกว่าจำนวนเงินฝากในระบบธนาคารมาก ซึ่งสัดส่วนเงินฝากในธนาคารจีนยังมีจำนวนมากพอที่จะรองรับการขยายตัวของตลาดหุ้นผ่านการบริหารพอร์ทการลงทุน" ยูบีเอสกล่าว
นอกจากนี้ สัดส่วนเพดานสำรองสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์จีนที่ปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 12.5% เมื่อช่วงที่ผ่านมาจะช่วยสกัดกั้นการปล่อยเงินกู้ในสถาบันการเงินให้ลดน้อยลง ทั้งนี้ รัฐบาลสามารถนำมาตรการต่างๆออกมาใช้เพื่อควบคุมสภาพคล่องได้ เช่น การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และการหามาตรการกระตุ้นเงินทุนไหลออก
อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นอากรแสตมป์ซื้อขายหุ้นถึง 3 เท่าในปลายเดือนพ.ค. ทำให้หุ้นจีนร่วงลงอย่างรุนแรงเมื่อช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา สำนักข่าวซินหัว ไฟแนนซ์รายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--