นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่าการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ครั้งที่1 /2564 มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิจารณา มีมติเห็นชอบโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ในส่วนของท่าเทียบเรือ F วงเงิน 84,361 ล้านบาทระยะเวลาสัมปทาน 35 ปี ซึ่งนายคณิศ แสงสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ได้รายงานผลการเจรจา ซึ่งเอกชนได้มีการปรับเพิ่มผลตอบแทนรัฐ มาอยู่ที่ 29,050 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่ากรอบราคากลาง 32,225 ล้านบาท ประมาณ 9.85% ซึ่งตามระเบียบจัดซื้อจัดจ้างให้ดำเนินการได้หากราคาต่ำกว่าราคากลางไม่เกิน 10%
โดยหลังจากนี้ เลขาฯ กพอ. จะต้องสรุปรายงานมติบอร์ดอีอีซีและผลการพิจารณา พร้อมกับเหตุผลในการเจรจาและพิจารณากรณีที่มีผลตอบแทนต่ำกว่าราคากลาง ซึ่งไม่เกิน 10% เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) ต่อไป ซึ่งคาดว่าหลังครม.อนุมัติ จะสามารถลงนามสัญญากับเอกชนคือ กลุ่ม GPC ประกอบด้วย บมจ. กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) บริษัท พีทีที แทงค์ เทอร์มินัล จำกัด (PTT TANK) บริษัท ไชน่า ฮาร์เบอร์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ได้ภายใน 3 เดือน
ซึ่งโครงการท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 ยังอยู่ในแผนงานโดยจะก่อสร้างแล้วเสร็จ ในปี 2568 และสอดคล้องกับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) โครงการเมืองการบินอู่ตะเภา ที่จะแล้วเสร็จในปี 2568
นอกจากนี้ ที่ ประชุมบอร์ดอีอีซี ยังได้รับทราบความคืบหน้า โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน โดยอนุมัติค่าเวนคืนเพิ่มเติมประมาณ 600 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในกรอบวงเงินค่าเวนคืน และจะส่งมอบพื้นที่ได้ทั้งหมดในวันที่ 24 ต.ค. 2564 ตามสัญญานอกจากนี้ บริษัท รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน หรือกลุ่ม ซี.พี. จะมีการลงนามในการบริหารที่ดินมักกะสัน ในเดือนมี.ค. 2565 อีกด้วย