นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า ในปัจจุบันยังมีผู้ประกอบการ SMEs ภาคธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด และรอความช่วยเหลืออีกจำนวนมาก บสย.จึงเร่งจัดสรรวงเงินค้ำประกันเพื่อดำเนินโครงการเฟส 2 และเปิดตัวโครงการ "บสย. SMEs ไทยสู้ภัยโควิด 2" เพื่อผู้ประกอบการ SMEs กลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่อง วงเงินค้ำประกัน 10,000 ล้านบาท ฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 2 ปีแรก ค้ำประกันสูงสุดต่อราย 100 ล้านบาท และระยะเวลาค้ำประกันสูงถึง 10 ปี โดยเปิดรับคำขอตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค.-31 พ.ค.64
สำหรับการดำเนินโครงการ "บสย. SMEs ไทยสู้ภัยโควิด 2" คาดว่าจะสร้างสินเชื่อในระบบไม่น้อยกว่า 15,000 ล้านบาท และพยุงการจ้างงานในระบบเศรษฐกิจได้ถึง 180,000 ราย ขณะเดียวกัน โครงการนี้ยังสนับสนุนธนาคารให้สามารถพิจารณาสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการ SMEs ด้วยอัตราการช่วยเหลือค่าประกันชดเชย (Max Claim) สูงถึง 35% ซึ่งถือเป็นการชดเชยความเสียหายในอัตราสูงที่สุดของโครงการค้ำประกัน บสย.
ก่อนหน้านี้ในเดือน ม.ค.64 บสย.ได้เปิดตัวโครงการค้ำประกันสินเชื่อโครงการพิเศษ เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ภายใต้โครงการ "บสย. SMEs ไทยสู้ภัยโควิด 1" วงเงินค้ำประกัน 5,000 ล้านบาท ฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 2 ปีแรก โดยมีผู้ประกอบการ SMEs ขอรับการสนับสนุนเต็มวงเงิน แต่มีสัดส่วนจำนวนผู้ประกอบการ SMEs ภาคธุรกิจท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่องยังเข้าถึงโครงการค้ำประกันได้เพียง 10%
นายรักษ์ กล่าวด้วยว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างกว้างขวางและต่อเนื่อง โดยเฉพาะภาคธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งพบว่าในปี 62 มีรายได้สะสมตลอดทั้งปี 2.99 ล้านล้านบาท ในขณะที่ปี 63 มีรายได้รวมสะสมเพียง 8 แสนล้านบาท ลดลงถึง 72.8% และตั้งแต่ปี 64 ภาคธุรกิจท่องเที่ยว ยังถูกซ้ำเติมจากการแพร่ระบาดระลอกใหม่ ส่งผลให้ภาคท่องเที่ยวมีความไม่แน่นอน