นายจาง เหวียปิง นักเศรษฐศาสตร์ระดับอาวุโสของบริษัท ไชน่า เนชั่นแนล ออฟชอร์ ออยล์ คอร์ป (CNOOC) คาดการณ์ว่า อัตราการใช้ก๊าซธรรมชาติของจีนจะอยู่ในสัดส่วน 9% ของยอดใช้พลังงานทั้งหมดของจีนในปี 2563
นายจางกล่าวต่อผู้สื่อข่าวในที่ประชุมสุดยอดเกี่ยวกับก๊าซธรรมชาติเหลวในภูมิภาคเอเชียที่กรุงปักกิ่งว่า ปัจจุบันปริมาณก๊าซธรรมชาติในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกนั้นมีอยู่อย่างจำกัด ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาก๊าซธรรมชาติปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกในอนาคตอันใกล้นี้
เขากล่าวว่า ความเชื่อมั่นด้านอุปสงค์ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เป็นปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมพลังงาน
ปัจจุบัน จีนมีเพียงคลังเก็บก๊าซธรรมชาติเหลวที่เซี่ยงไฮ้ มณฑลกว่างตงและมณฑลฟูเจี๊ยน ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้และตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้นที่มีปริมาณก๊าซธรรมชาติเหลวเพียงพอต่อความต้องการ ส่วนคลังเก็บก๊าซในมณฑลอื่นๆ อาทิ เจ๋อเจียง เหอหนาน เหอเป่ยยังไม่มีการรับประกันว่าจะมีอุปสงค์ก๊าซธรรมชาติเหลวเพียงพอหรือไม่
นายจางกล่าวว่า การจัดส่งผลผลิตก๊าซธรรมชาติในอิหร่านที่หยุดชะงักลงส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนต่อข้อตกลงที่ลงนามโดยซิโนเป็ก (Sinopec) และไชน่า เนชั่นแนล ปิโตรเลียม คอร์ป (CNPC)
จีนและอิหร่านได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) เมื่อเดือนตุลาคม 2547 เพื่อเป็นการปูทางให้ซิโนเป็กเข้าพัฒนาบ่อน้ำมันยาดาวารันของอิหร่าน เพื่อแลกกับจัดส่งก๊าซธรรมชาติเหลวของอิหร่านให้กับจีนในปริมาณ 10 ล้านตันต่อปี เป็นเวลา 25 ปี ส่วนสัญญาสุดท้ายยังไม่มีการลงนามแต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน CNPC กำลังอยู่ในระหว่างการหารือกับอิหร่าน เพื่อเข้าร่วมการพัฒนาบ่อน้ำมันนอกชายฝั่งเซาท์ พาร์ส สำนักข่าวซินหัว ไฟแนนซ์รายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย วณิชชกร ควรพินิจ/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--