นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะทำงานพิจารณาแนวทางการพัฒนากองทุนช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า ครั้งที่ 1/2564 ซึ่งมีผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมประชุม เช่น สภาเกษตรกรแห่งชาติ และสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย ได้พิจารณาข้อเสนอเกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุน ที่กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะทำงานฯ ได้รวบรวมมาจากการลงพื้นที่และจัดระดมความเห็นทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยได้สรุปประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุน เช่น การให้ความช่วยเหลือจากกองทุน ควรแบ่งเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ รูปแบบเงินจ่ายขาด เช่น ทุนวิจัยพัฒนา ทุนจัดหาที่ปรึกษา ทุนฝึกอบรม ทุนจัดกิจกรรมสนับสนุนการตลาด และรูปแบบเงินหมุนเวียน เช่น เงินลงทุนในสิ่งก่อสร้าง และค่าเครื่องมืออุปกรณ์ ขณะที่ในส่วนการดำเนินงานนั้น มีข้อเสนอว่ากองทุนควรให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคเกษตร ภาควิชาการ และธนาคารของรัฐในระดับพื้นที่ เป็นตัวกลางสำหรับประสานงาน และเสนอคำขอรับความช่วยเหลือไปยังหน่วยบริหารกองทุนเอฟทีเอ
นายบุณยฤทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนประเด็นเกี่ยวกับแหล่งรายได้เข้ากองทุนฯ นั้น กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศได้เสนอว่า นอกจากเงินสนับสนุนจากภาครัฐแล้ว กองทุนฯ ควรจัดเก็บค่าธรรมเนียมจากผู้ได้ประโยชน์จากเอฟทีเอสมทบเข้ากองทุนเพิ่มเติม เพื่อให้กองทุนสามารถดำเนินการได้อย่างยั่งยืน โดยในส่วนดังกล่าว คณะทำงานฯ มีข้อเสนอว่าต้องพิจารณาถึงรูปแบบและวิธีการจัดเก็บอย่างรอบคอบ เพื่อให้มีความเหมาะสม เป็นธรรม และไม่เป็นภาระกับผู้ถูกเก็บจนเกินไป
ดังนั้น จึงได้มอบกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ในฐานะฝ่ายเลขานุการ ไปหารือกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เพื่อให้ได้ข้อสรุปก่อนเสนอนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์พิจารณา ซึ่งหากเห็นชอบก็จะส่งเรื่องให้คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนที่มีนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลังเป็นประธาน และกรมบัญชีกลางเป็นฝ่ายเลขานุการต่อไป
"หากคณะกรรมการนโยบายฯ เห็นชอบในหลักการ ก็จะเสนอคณะรัฐมนตรี และเข้าสู่กระบวนประชาพิจารณ์ร่างกฎหมายจัดตั้งกองทุนเอฟทีเอ และรัฐสภาตามกระบวนการตรากฎหมายต่อไป" ปลัดกระทรวงพาณิชย์ระบุ