ธนาคารโลกแนะจีนใช้ประโยชน์ FDIเพื่อบรรลุเป้าหมายการสร้างสังคมสมานฉันท์

          ธนาคารโลกเปิดเผยว่า จีนควรนำเม็ดเงินจำนวนมหาศาลด้านการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ (FDI) มาใช้กระตุ้นการพัฒนาประเทศ และใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆเพื่อช่วยให้รัฐบาลสามารถบรรลุเป้าหมายในการสร้าง"สังคมสมานฉันท์"ได้
          จ้าว หมิน นักวิเคราะห์จากธนาคารโลกกล่าวในแถลงการณ์ว่า "การให้ความสำคัญกับนโยบายด้าน FDI เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้มีการลงทุนในอุตสาหกรรมที่มุ่งเน้นด้านการดำนินธุรกิจภายในประเทศ และการลงทุนด้านเทคโนโลยีในระดับที่สูงขึ้น"
          "สังคมสมานฉันท์" เป็นเป้าหมายที่ทางรัฐบาลจีนกำหนดขึ้นเพื่อหวังที่จะลดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนที่หลายฝ่ายมองว่าความเลื่อมล้ำทางสังคมเช่นนี้เป็นภัยคุกคามเสถียรภาพในประเทศ
          รายงานของธนาคารโลกระบุว่า จีนมีเม็ดเงินลงทุน FDI เพื่อพัฒนาประเทศถึง 25% ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งเป็นที่คาดกันว่าจีนจะสามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุน FDI ได้เพิ่มขึ้นถึง 30% ในปี 2549-2553 
          นอกจากนี้ ธนาคารโลกยังกล่าวถึงการใช้ประโยชน์จาก FDI ว่า จีนควรรักษาบรรยากาศการลงทุนที่น่าดึงดูดใจไว้ พร้อมทั้งจัดระบบการจัดเก็บภาษีให้เมาะสม และเปิดรับการลงทุนในธุรกิจบริการรวมถึงกระตุ้นให้มีการแข่งขันระหว่างกัน ตลอดจนถ่ายโอนเทคโนโลยีและการลงทุนทางตรงในด้านเทคโนโลยีมากขึ้น และควรดำเนินการสร้างบรรยากาศการลงทุนที่ดีขึ้นในท้องถิ่นทุรกันดาร
          อย่างไรก็ตาม ธนาคารโลกย้ำว่า นอกจากจีนจะมีบรรยากาศด้านการลงทุนโดยรวมที่แข็งแกร่งแล้ว ทางการจีนควรผ่อนคลายมาตรการที่สลับซับซ้อนในการอนุญาติให้ผู้ประกอบการเข้ามาลงทุน ขณะที่เจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจกำกับดูแลด้านการดำเนินธุรกิจควรลดความเลื่อมล้ำในการให้บริการและการอนุมัติคุณสมบัติของผู้ลงทุนเพื่อกระตุ้นบรรยากาศการลงทุนให้ดียิ่งขึ้น