กรมการค้าต่างประเทศแจ้งความจับผู้บริหารบริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง ฐานยักยอกข้าวสารที่รัฐบาลจ้างปรับปรุงคุณภาพเพื่อส่งมอบให้รัฐบาลอิหร่านและอินโดนีเซีย จำนวนกว่า 3.4 หมื่นตัน มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ทางบริษัท เพรซิเดนท์ฯ ส่งทนายความมาขอเจรจารอมชอมแล้ว
"กรมฯได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรตำบลสำโรงใต้ ฐานยักยอกทรัพย์ เพื่อให้สืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิด" นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าว
ทั้งนี้ กรมการค้าต่างประเทศตรวจพบว่าบริษัท เพรซิเดนท์ฯ ได้ยักยอกข้าวสารที่รัฐบาลว่าจ้างปรับปรุงคุณภาพเพื่อส่งมอบให้รัฐบาลอิหร่านและอินโดนีเซีย ซึ่งนอกเหนือจากการแจ้งความดำเนินคดีแล้วกรมยังบอกเลิกสัญญาจ้างปรับปรุงคุณภาพข้าวสารในส่วนที่เหลือทั้งหมด พร้อมทั้งริบเงินค้ำประกัน 10.3 ล้านบาทและไม่จ่ายค่าปรับปรุงคุณภาพข้าวจำนวน 64 ล้านบาทให้แก่บริษัท เพรซิเดนท์ฯ
ข้าวส่วนที่เหลือที่จะส่งมอบให้ทั้ง 2 ประเทศนั้น รัฐบาลไทยได้ให้ผู้ส่งออกรายอื่นดำเนินการแทนบริษัท เพรซิเดนท์ฯ แล้วและเรื่องนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อสัญญาซื้อขายข้าวของไทยกับรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศอย่างแน่นอน
"กรณีนี้ไม่กระทบต่อสัญญาข้าวที่รัฐบาลไทยมีต่อ 2 ประเทศ เพราะไทยมีข้าวเตรียมจะส่งมอบให้ 2 ประเทศแล้ว โดยอิหร่านจะส่งเรือมารับมอบวันที่ 5 ก.ย.นี้ แต่อินโดนีเซียยังไม่ส่งเรือเข้ามารับ สำหรับข้าวส่วนที่เหลือที่กรมได้บอกเลิกสัญญาจ้างปรับปรุงกับเพรซิเดนท์นั้น กรมได้เฉลี่ยแบ่งให้ผู้ส่งออกรายอื่นปรับปรุงส่งมอบให้ 2 ประเทศแล้ว โดยให้ค่าจ้างเท่ากับที่ให้เพรซิเดนท์"นางอภิรดี กล่าว
สำหรับ บริษัท เพรซิเดนท์ฯ ได้รับจัดสรรโควต้าปรับปรุงคุณภาพข้าวขาว 15% ที่จะส่งมอบให้รัฐบาลอินโดนีเซีย เมื่อ 26 มี.ค.50 จำนวน 20,380 ตัน, ข้าวที่จะส่งมอบให้รัฐบาลอิหร่าน สัญญาที่ 1 เมื่อ 23 ม.ค.50 จำนวน 45,000 ตัน และสัญญาที่ 2 เมื่อ 26 เม.ย.50 จำนวน 20,000 ตัน
โดยบริษัท เพรซิเดนท์ฯ ได้ส่งมอบข้าวให้รัฐบาลอินโดนีเซียแล้ว 10,100 ตัน คงเหลืออีก 10,280 ตัน ส่วนข้าวที่จะจัดส่งให้รัฐบาลอิหร่านสัญญาที่ 1 ส่งมอบแล้ว 39,344 ตัน คงเหลืออีก 6,870 ตัน และสัญญาที่ 2 ส่งมอบแล้ว 3,600 ตัน คงเหลืออีก 17,000 ตัน
นางอภิรดี กล่าวว่า ขณะนี้ถือว่าสถานะของบริษัท เพรซิเดนท์ฯ หมดความน่าเชื่อทางธุรกิจแล้ว และรัฐบาลอิหร่านได้ขึ้นบัญชีดำไว้แล้ว ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าเพรซิเดนท์ฯ ได้ตั้งบริษัทใหม่คือ บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และจดทะเบียนเป็นผู้ค้าข้าวได้รับอนุญาตกับกรมการค้าต่างประเทศตั้งแต่ต้นปีนั้น เป็นเรื่องที่ไม่สามารถห้ามเข้าร่วมโครงการต่างๆ ของรัฐบาลได้
"หากยังไม่ได้ทำผิดกฎหมายก็ไปห้ามไม่ได้ แต่จะจับตามดูพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด เพราะในวงการค้าข้าวทราบดีว่าบริษัทนี้เป็นนอมินีของใคร" นางอภิรดี กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย พณฦ/ธนวัฏ/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--