ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 30.50-30.90 บาทต่อดอลลาร์ฯสำหรับสัปดาห์ถัดไป (15-19 มี.ค.) ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมเฟด (16-17 มี.ค.) ทิศทางบอนด์ยีลด์ต่างประเทศ และประเด็นของเรื่องวัคซีนต้านโควิด 19 ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดนิวยอร์กและฟิลาเดลเฟีย ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนมี.ค. ยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนก.พ. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามผลการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่นและธนาคารกลางอังกฤษ สถานการณ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีน รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจเดือนก.พ. ของจีน อาทิ การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร การผลิตภาคอุตสาหกรรม และยอดค้าปลีกเดือนก.พ.
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทขยับอ่อนค่า แตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 4 เดือนที่ 30.95 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงต้นสัปดาห์ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯได้รับอานิสงส์จากการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (บอนด์ยีลด์) ซึ่งมีแรงหนุนมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างไรก็ดีเงินบาทฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนตามจังหวะการย่อตัวลงของบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ และสถานะซื้อสุทธิหุ้นและพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติในระหว่างสัปดาห์ก่อนจะกลับมาอ่อนค่าลงอีกครั้งในช่วงปลายสัปดาห์ตามทิศทางของสกุลเงินในภูมิภาค ขณะที่บอนด์ยีลด์สหรัฐฯ ฟื้นตัวขึ้นอีกครั้งและหนุนเงินดอลลาร์ฯ
ในวันศุกร์ (12 มี.ค.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 30.77 เทียบกับระดับ 30.49 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (5 มี.ค.)