วอลมาร์ทเผยผลประกอบการไตรมาสสองร่วงหนัก หลังขายกิจการในเยอรมนี

          วอลมาร์ท สโตร์ส อิงค์ บริษัทค้าปลีกชื่อดังของโลกจากสหรัฐ เปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 2 ของปีนี้ว่าปรับตัวลดลง 153 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากบริษัทมีค่าใช้จ่ายจากการขายกิจการในประเทศเยอรมนีให้กับบริษัทเมโทร เอจี ผู้ค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดของโลกจากเยอรมนี
          วอลมาร์ทเปิดเผยว่า ยอดค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นตัวฉุดรายได้ต่อหุ้นของบริษัทประจำไตรมาสสองที่สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ก.ค. ให้ลดลงแตะที่ 72 เซนต์ต่อหุ้น จากระดับ 76 เซนต์ต่อหุ้นในช่วงที่ได้มีการรายงานไปเมื่อวันที่ 14 ส.ค. เมื่อเทียบกับระดับ 50 เซนต์ต่อหุ้นเมื่อเทียบเป็นรายปี
          สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าใช้จ่ายจากการขายกิจการของวอลมาร์ททำในเยอรมนีให้ผลกำไรสุทธิรายไตรมาสปรับตัวลดลงแตะที่ 2.95 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 3.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐที่ได้มีรายงานไปก่อนหน้านี้
          จอห์น ซิมเลย์ โฆษกของวอลมาร์ทกล่าวว่า วอลมาร์ทไม่รู้สึกว่าบริษัทมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ในช่วงที่บริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาสสองในกลางเดือนส.ค.โดยเขากล่าวว่า ตัวเลขผลประกอบการจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงจากเดิม เนื่องจากวอลมาร์ทได้ขายกิจการในเยอรมนีไปแล้ว
          ทั้งนี้ เมื่อปีที่ผ่านมา เมโทรได้เข้าซื้อกิจการของวอลมาร์ทในเยอรมนีทั้งหมด 85 แห่ง โดยไม่มีการเปิดเผยค่าใช้จ่ายใดๆ โดยวอลมาร์ทได้ถอนตัวออกจากตลาดเยอรมนีและเกาหลีใต้ หลังจากที่บริษัทประสบภาวะขาดทุนจากการดำเนินกิจการของทั้งสองประเทศมานานหลายปี
          วอลมาร์ทมีร้านค้าปลีกใน 13 ประเทศในอเมริกากลาง เอเชีย อังกฤษ และแคนาดา โดยในปีนี้บริษัทได้ทำข้อตกลงเพื่อขยายธุรกิจค้าปลีกในประเทศจีนด้วยการซื้อหุ้นในทรัสต์-มาร์ทในสัดส่วน 35% อีกทั้งยังเห็นพ้องที่จะเข้าร่วมเป็นบริษัทคู่ค้ากับบาร์หตี เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัดในประเทศอินเดีย