องค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ประกาศลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐและทวีปยุโรป เนื่องจากวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในตลาดการเงินทั่วโลก แต่ยังคงคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นไว้เท่าเดิม
ทั้งนี้ OECD ซึ่งเป็นองค์กรที่ตั้งอยู่ในกรุงปารีสคาดว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐจะขยายตัวขึ้น 1.9% ลดลงเมื่อเทียบกับที่คาดการณ์ไว้ในเดือนพ.ค.ที่ระดับ 2.1% เนื่องจากสหรัฐเผชิญวิกฤตการณ์ในตลาดสินเชื่อ อันเป็นผลมาจากภาวะไร้เสถียรภาพในตลาดปล่อยกู้จำนองให้กับลูกค้ากลุ่มซับไพรม์ในสหรัฐ
ขณะเดียวกัน OECD ได้ปรับลดคาดการณ์ GDP ของประเทศยุโรปลงสู่ระดับ 2.6% จากเดิมที่ระดับ 2.7% แต่ยังคงคาดการณ์ GDP ของญี่ปุ่นไว้เท่าเดิมที่ 2.4% เนื่องจากเศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงขยายตัวขึ้นเพราะได้รับแรงขับเคลื่อนจากการลงทุนภาคธุรกิจ
ส่วนในเรื่องภาวะเศรษฐกิจโดยรวมนั้น OECD กล่าวว่า "เศรษฐกิจในหลายประเทศมีแนวโน้มเผชิญช่วงขาลงเนื่องจากความผันผวนในตลาดการเงินยังคงเป็นปัจจัยที่มีอิทธิลต่อเศรษฐกิจโดยรวม สำหรับเศรษฐกิจของสหรัฐนั้น ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังไม่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นและคาดว่าจะซบเซาเป็นเวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้ และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในสหรัฐก็ถดถอยลงด้วย ทั้งนี้ คาดว่า GDP สหรัฐจะปรับตัวลงอีกในช่วงครึ่งหลังของปีนี้"
แม้ OCED ได้แสดงท่าทีขานรับธนาคารกลางของหลายประเทศที่อัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ตลาดการเงินเพื่อผ่อนคลายความผันผวนในตลาด แต่ OECD กล่าวว่า "ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะระบุได้ว่าปฏิบัติการอัดฉีดสภาพคล่องของธนาคารกลางช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงหรือไม่" สำนักข่าวเกียวโดรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--