นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล กรรมการรองเลขาธิการหอการค้าไทย กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจของไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ 4.4% เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากการส่งออกที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 4 ที่ต่างชาติจะมีคำสั่งซื้อเข้ามาเพื่อนำไปใช้ในช่วงเทศกาลคริสมาสต์และปีใหม่ ตลอดจนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจะกลับคืนมา
แต่หากรัฐบาลเลื่อนจัดการเลือกตั้งออกไปจากเดิมที่กำหนดไว้เป็นวันที่ 23 ธ.ค.อย่างที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ไว้อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ด้าน นายสมภพ มานะรังสรรค์ กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยจะใช้เวลาในการปรับฐานกลับมาฟื้นตัวอีกอย่างน้อย 3 ปี ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่การเมืองกลับมามีเสถียรภาพมากขึ้น
ส่วนนายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า รัฐบาลควรเร่งการลงทุนภาครัฐให้เร็วขึ้น เพื่อกระตุ้นให้ภาคเอกชนเร่งลงทุนตาม
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า คงต้องรอดูตัวเลขการส่งออกในเดือน ส.ค.ก่อนจึงจะสามารถประเมินภาวะการส่งออกในปีนี้ได้ เนื่องจากยอดส่งออกในเดือน ก.ค.มีความผิดปกติ อย่างไรก็ตามยังมีความกังวลกับปัญหาเงินบาทแข็งค่าที่จขะส่งผลกระทบต่อการส่งออกในระยะยาว
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ในวันที่ 6 ก.ย.นี้ ตัวแทน กกร.จะประชุมร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อพิจารณาหลักเกณฑ์การปล่อยเงินกู้ของกองทุนช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาเงินบาทแข็งค่า เนื่องจากมีผู้ประกอบการบางรายไม่มีหลักทรัพย์มาค้ำประกัน โดยจะเสนอให้นำสินค้าที่ผลิตได้หรือใบสั่งซื้อสินค้าเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันได้
สำหรับการเตรียมความพร้อมที่จะปล่อยกู้ให้กับผู้ประกอบการรายย่อย ขณะนี้ได้กระจายเงินทั้ง 5 พันล้านบาทไปให้ธนาคารต่างๆ แล้ว
--อินโฟเควสท์ โดย อตฦ/ธนวัฏ/เสาวลักษณ์ โทร.0-2253-5050 ต่อ 353 อีเมล์: saowalak@infoquest.co.th--