นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย (KTB) บรรยายพิเศษ เรื่อง "Next Step ฟื้นเศรษฐกิจไทย" โดยระบุว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2563 ตกอยู่ภายใต้ Perfect Storm หรือพายุใหญ่แห่งยุค ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโครงสร้างเศรษฐกิจที่พึ่งพารายได้จากต่างประเทศสูง หนี้ครัวเรือนในระดับสูง และมีกลุ่มเปราะบางจำนวนมาก ความเหนื่อยล้าที่ต้องต่อสู้กับวิกฤติเศรษฐกิจในปี 63 ความเหนื่อยล้าของภาคเอกชน หมายถึงความเปราะบางของฐานะทางการเงิน โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว และธุรกิจ SMEs
โดยปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยต้องฝ่าฟันความท้าทายรอบด้าน โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลให้ GDP ของไทยมีการเติบโตลดลงถึง -6.1% ทำให้ภาคธุรกิจ ภาคแรงงาน และภาคประชาชนได้รับผลกระทบอย่างถ้วนหน้า
นอกจากนี้ ภาคธุรกิจยังเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ ในการปรับตัวเพื่อให้อยู่รอดในยุคของ Technology Disruption ที่มาเร็วกว่าคาด เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 รวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคและรูปแบบการแข่งขันที่เปลี่ยนไปเพียงชั่วข้ามคืน ซึ่งก่อให้เกิดการใช้ชีวิตภายใต้วิถีใหม่ New normal โดยยังไม่รู้ว่า Next normal จะไปจบในรูปแบบใด
และแม้ปี 2564 เศรษฐกิจไทยกำลังเริ่มฟื้นตัวจากมุมมองของเศรษฐกิจโลก จากความคืบหน้าในการควบคุมการแพร่ระบาด การฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ซึ่งเป็นเศรษฐกิจโลกที่ได้รับการเติมเชื้อเพลิงอย่างต่อเนื่อง จากเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลประเทศต่างๆ และการอัดฉีดสภาพคล่องของธนาคารกลางประเทศต่างๆ
แต่ Next Step ของเศรษฐกิจไทยที่เป็นความท้าทายหลักในระยะถัดไป 4 เรื่องสำคัญ คือ 1.ชีวิตวิถีใหม่ (New normal) 2.กฎเกณฑ์ใหม่ (New Rules) 3. แรงกดดันต่อการดำเนินนโยบายภาครัฐ (Fiscal Pressure) และ 4.ความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (Competitiveness)
ดังนั้นบทบาทสำคัญของภาครัฐเพื่อช่วยในการขับเคลื่อนอนาคตของประเทศ คือการบริหารจัดการการกระจายสวัสดิการที่รัฐต้องเข้าไปดูแลให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ท่ามกลางการเผชิญต่อแรงกดดันของภาระทางการคลังมากขึ้น โดยเฉพาะในภาวะที่ประชาชนต่างคาดหวังต่อมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน รวมถึงความเหลื่อมล้ำที่ยังมีอยู่สูง ซึ่งภาครัฐจำเป็นต้องดูแลสวัสดิการทางสังคมเหล่านี้ให้มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ จะต้องมีการบริหารการจัดเก็บรายได้ให้มีประสิทธิภาพ ภายใต้ข้อจำกัดของภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างช้าๆ รวมถึงการควบคุมระดับหนี้สาธารณะ
นายผยง ในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวด้วยว่า คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ซึ่งประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ได้ร่วมกันประเมินแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยไว้ที่ 1.5-3.5% แต่ปัจจุบันมองว่าเริ่มมีหลายปัจจัยบวกเข้ามาที่จะทำให้ภาพรวมการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปีนี้ดีขึ้น ทั้งการอัดฉีดเม็ดเงินของหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งสร้างอานิสงค์ต่อการส่งออกของไทย ดังนั้น จึงอาจจะเสนอให้ที่ประชุม กกร.ในเดือนเม.ย.นี้ ปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้ขึ้นเป็น 2-4%
"หลายคนบอกว่า ไทยอาจใช้เวลาหลายปี กว่าจะกลับมาอยู่ในจุดเดิมก่อนโควิด-19 แต่ผมเห็นว่าการคาดหวังจะกลับไปสู่จุดเดิม จะเป็นสมมติฐานที่ตั้งอยู่บนความเสี่ยงมากเกินไป เพราะเราอาจจะไม่สามารถกลับไปสู่จุดเดิมได้ ถ้าไม่ร่วมกันแก้ปัญหาอย่างจริงจัง เราไม่สามารถจะสบายใจ หรือทำตัวแบบเดิมๆ กับอนาคตของประเทศไทยได้" นายผยงกล่าว