กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เผยมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 30.90-31.35 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 31.06 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 30.85-31.20 บาท/ดอลลาร์ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินหลัก หลัง รมว.คลังสหรัฐฯและประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) แสดงความเชื่อมั่นต่อสภาคองเกรสเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการของสหรัฐฯออกมาสดใสเกินคาด ส่วนเงินเยนแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 10 เดือน ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯเดินหน้าทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง
เงินบาทนั้นนับว่าแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 5 เดือนครั้งใหม่ท่ามกลางแรงซื้อดอลลาร์ช่วงสิ้นไตรมาสและการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ในตลาดโลก ส่วนในประเทศนั้น คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติคงดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% ตามคาด ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยมูลค่า 351 ล้านบาท แต่ขายพันธบัตรสุทธิ 2,722 ล้านบาท
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ฯ มองว่า จุดสนใจหลักอยู่ที่การเปิดเผยแผนลงทุนในโครงการขนาดใหญ่จากประธานาธิบดี โจ ไบเดน รวมถึงข้อมูลการจ้างงานเดือน ก.พ.ของสหรัฐฯ
อนึ่ง เป็นที่น่าสังเกตว่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้อัตราผลตอบแทนระยะยาวของพันธบัตรสหรัฐฯปรับตัวลดลง ภาวะเช่นนี้สะท้อนว่านักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจนอกสหรัฐฯ ขณะที่การกระจายวัคซีนในยุโรปล่าช้าซึ่งส่งผลให้หลายประเทศต้องเผชิญมาตรการล็อคดาวน์รอบใหม่ แรงส่งด้านขาขึ้นของเงินดอลลาร์จึงน่าจะดำเนินต่อไปในช่วงนี้
สำหรับปัจจัยในประเทศ กนง.มีมติด้วยเสียงเอกฉันท์ให้คงดอกเบี้ยนโยบาย โดยผู้ดำเนินนโยบายประเมินว่าเศรษฐกิจไทยยังเผชิญความเสี่ยงด้านต่ำในระยะถัดไป ขณะที่ กนง.ยังคงให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ส่วนบัญชีเดินสะพัดในปีนี้ กนง.คาดว่าจะเกินดุลแคบลงเหลือเพียง 1.2 พันล้านดอลลาร์ ตามต้นทุนน้ำมันที่สูงขึ้น การส่งออกทองคำที่ลดลง และรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่อยู่ในระดับต่ำ ซึ่งจะลดแรงกดดันให้เงินบาทแข็งค่าน้อยลง ท่าทีล่าสุดสนับสนุนมุมมองของกลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี และของตลาดที่ว่า กนง.จะตรึงดอกเบี้ยนโยบายไว้ในช่วง 12 เดือนข้างหน้า
กนง.ปรับลดประมาณการจีดีพีไทยเนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มต่ำกว่าที่ประเมินไว้ โดยคาดว่าปีนี้เศรษฐกิจจะขยายตัว 3.0% จากเดิมคาดว่าจะเติบโต 3.2% ส่วนประมาณการมูลค่าส่งออกปี 64 ปรับเพิ่มเป็นเติบโต 10% จากเดิมคาดไว้ที่ 5.7% ซึ่งการประมาณการใหม่สอดคล้องกับการค้าโลกที่ฟื้นตัว แต่หากสถานการณ์ขวางเส้นทางเดินเรือในคลองสุเอซยืดเยื้อออกไปจะส่งผลเชิงลบต่อกิจกรรมการค้าทั่วโลกรวมถึงไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้