นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงการจดทะเบียนธุรกิจจัดตั้งใหม่ในเดือนก.พ.64 ว่า มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วน และบริษัทใหม่ทั่วประเทศ 7,265 ราย เพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มียอดจดทะเบียนใหม่ 6,407 ราย แต่ลดลง 18 ราย (ลดลง 0.3%) จากเดือนม.ค. 64 ที่มีจำนวน 7,283 ราย โดยในเดือนก.พ 64 มีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 19,717.90 ล้านบาท ลดลง -35% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 570 ราย คิดเป็น 8% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 283 ราย คิดเป็น 4% และอันดับ 3 คือ ธุรกิจปลูกข้าวเจ้า จำนวน 225 ราย คิดเป็น 3%
ส่วนธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการในเดือน ก.พ.64 มี 583 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 6,366.74 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการเลิกกิจการในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยประเภทธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 53 ราย คิดเป็น 9% รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 33 ราย คิดเป็น 6% และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 16 ราย คิดเป็น 3%
ส่งผลให้ยังมีธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ ณ วันที่ 28 ก.พ.64 รวม 781,829 ราย มูลค่าทุน 19.26 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 190,849 ราย คิดเป็น 24.41% บริษัทจำกัด 589,696 ราย คิดเป็น 75.43% และบริษัทมหาชนจำกัด 1,284 ราย คิดเป็น 0.16%
อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวถึงการลงทุนประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวในไทยเดือน ก.พ.64 ภายใต้ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวว่า ได้มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น 34 ราย แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจ 16 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ 18 ราย คิดเป็นเม็ดเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 3,768 ล้านบาท
โดยนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด ได้แก่ ญี่ปุ่น 11 ราย เงินลงทุน 1,475 ล้านบาท รองลงมา ได้แก่ สิงคโปร์ 5 ราย เงินลงทุน 58 ล้านบาท และสหรัฐอเมริกา 4 ราย เงินลงทุน 114 ล้านบาท