น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าของโครงการ "เราชนะ" ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564 แบ่งเป็น
1) ประชาชนกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.7 ล้านคน ได้มีการใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 70,010 ล้านบาท
2) ประชาชนกลุ่มที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" ในโครงการเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่ง และกลุ่มประชาชนทั่วไปที่ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.เราชนะ.com ที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติเบื้องต้นและยืนยันการใช้สิทธิ์ร่วมโครงการเราชนะแล้ว จำนวน 16.8 ล้านคน และมีการใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมา จำนวน 102,915 ล้านบาท
3) ประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติแล้ว จำนวน 2.0 ล้านคน มียอดใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์สะสมตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2564 เป็นต้นมา จำนวน 10,800 ล้านบาท
ทำให้มีผู้ได้รับสิทธิแล้ว รวมทั้งสิ้น จำนวน 32.5 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยแล้วกว่า 183,725 ล้านบาท ซึ่งเป็นการใช้จ่ายผ่านผู้ประกอบการร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นที่มีแอปพลิเคชัน "ถุงเงิน" ร้านค้าคนละครึ่งที่ตกลงยินยอมเข้าร่วมโครงการเราชนะ รวมถึงผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ให้บริการที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเราชนะ จำนวนทั้งสิ้นมากกว่า 1.2 ล้านกิจการ
น.ส.กุลยา ยังได้ขอความร่วมมือประชาชนในการรักษาสิทธิของตนเอง และขอให้ผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการ"เราชนะ" ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขของโครงการฯ โดยหากตรวจสอบพบว่ามีการกระทำผิดเงื่อนไขจริง จะระงับการใช้เครื่องรูดบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (เครื่อง EDC) หรือแอปพลิเคชัน "ถุงเงิน" ของร้านค้า และดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
ที่ผ่านมากระทรวงการคลังได้รับเบาะแสเกี่ยวกับการทุจริตของผู้ประกอบการร้านค้า ผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการ "เราชนะ" รวมถึงประชาชนที่มีพฤติกรรมการใช้จ่ายวงเงินสิทธิไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ เช่น การแลกวงเงินสิทธิเป็นเงินสด การขึ้นราคาสินค้าอย่างไม่เป็นธรรม เป็นต้น ซึ่งกระทรวงการคลังได้เร่งรัดดำเนินการติดตามและตรวจสอบการกระทำทุจริตในกรณีต่าง ๆ รวมถึงประสานขอความร่วมมือกระทรวงพาณิชย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการดังกล่าว