บทวิเคราะห์จากบริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด ระบุว่า ราคาทองคำวานนี้ปิดพุ่งขึ้น 22.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาแย่เกินคาด อาทิ การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐจาก ADP ที่เพิ่มขึ้น 517,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. แม้จะเป็นตัวเลขสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2020 แต่ก็ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 525,000 ตำแหน่ง ส่วนดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ดิ่งลงเกินคาดถึง 10.6% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน และปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน
ขณะที่วานนี้ เป็นวันปิดไตรมาส 1/2021 ทำให้ผู้จัดการกองทุนบางส่วนอาจขายดอลลาร์สหรัฐออก เพื่อปรับสมดุลให้กับพอร์ตการลงทุนอีกด้วย ส่งผลให้ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน อ่อนค่าลง -0.07% สู่ระดับ 93.203 เมื่อคืนนี้จนเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นทะลุ 1,700 ดอลลาร์ซึ่งถือเป็นแนวต้านจิตวิทยา
"นั่นทำให้นักลงทุนบางส่วนที่ถือสถานะขายทำการซื้อคืน (Short Covering) เพื่อปิดสถานะในวันสิ้นไตรมาส จนดันราคาทองคำเพิ่ม สถานการณ์ดังกล่าวหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นมาทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,715.07 ดอลลาร์ต่อออนซ์" บทวิเคราะห์ระบุ
อย่างไรก็ดี การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ ยังถูกสกัดช่วงบวกจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่ยังคงทรงตัวเหนือ 1.74% ขานรับแผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานมูลค่ากว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนเปิดเผยวานนี้ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ดัชนี PMI ภาคการผลิต และข้อมูลค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้าง