นายโรเบิร์ต เอคเคิร์ต ซีอีโอของบริษัทแมทเทล อิงค์ ผู้ผลิตของเล่นรายใหญ่สุดในโลกกำลังหามาตรการรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่บริษัทเรียกคืนของเล่นถึง 3 ครั้ง นอกจากนี้ยังถูกกดดันให้ออกมาชี้แจงว่า มาตรการที่ทางบริษัทมีขึ้นจะออกมาในทิศทางใด หลังจากที่เขาได้ช่วยให้บริษัทสามารถรอดพ้นจากวิกฤติยอดขายสินค้าที่ซบเซาและมีส่วนช่วยทำให้ยอดผลกำไรของบริษัทเพิ่มมากขึ้นมาตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ดำรงตำแหน่งซีอีโอให้กับแมทเทล
โดยหนึ่งในมาตรการที่นายเอคเคริต์นำมาใช้กอบกู้การดำเนินงานของบริษัทคือ การปิดโรงงานของบริษัทแมทเทลในรัฐเคนตักกี้ของสหรัฐและหันไปผลิตสินค้าในโรงงานที่มีค่าใช้จ่ายถูกกว่าเพิ่มมากขึ้นในจีน และเม็กซิโก
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสอดคล้องกับสิ่งที่แมทเทลและบริษัทของเล่นค่ายอื่นๆได้ดำเนินการมานานหลายทศวรรษ ทั้งนี้ ของเล่นกว่า 80% ที่วางจำหน่ายในสหรัฐผลิตจากโรงงานในประเทศจีน และบริษัทของเล่นรายอื่นๆก็พลอยได้รับผลกระทบจากการเรียกคืนสินค้าที่ผลิตในจีนด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม แมทเทลยังมีผลกระกอบการที่สดใส เนื่องจากจำนวนของเล่นที่เรียกคืนมีเป็นจำนวนจำกัด ขณะที่บริษัทได้บ่มเพาะภาพลักษณ์ของการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมของเล่นในช่วงที่เข้ามาดำเนินการควบคุมการผลิตของเล่นในประเทศจีน
ทั้งนี้ 65% ของสินค้าแมทเทลผลิตขึ้นในประเทศจีน แต่แมทเทลยังมีความโดดเด่นที่สุดในบรรดาบริษัทของเล่นคู่แข่งอื่นๆ เนื่องจากมีโรงงานเป็นของตัวเองหลายแห่งในประเทศจีน
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการควบคุมของบริษัทยังคงไม่เข้มงวดพอ และการเรียกเรียกคืนสินค้าที่เกิดขึ้นหลายครั้งนั้นได้ทำให้แมทเทลต้องหาวิธีกู้ชื่อเสียงกลับคืนมา หลังจากที่หุ้นแมทเทลดำดิ่งลงถึง 9.4% ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. ซึ่งเป็นวันแรกที่บริษัทเรียกคืนสินค้า
สำนักข่าวเอพีรายงานว่าในระยะเวลากว่า 1 เดือนที่ผ่านมาแมทเทลได้เรียกคืนของเล่นที่ผลิตในจีนจากทั่วโลกไปแล้วกว่า 21 ล้านชิ้นเนื่องจากกังวลว่าสีที่ทาบนของเล่นอาจมีสารตะกั่วปนเปื้อนหรือมีเศษแม่เหล็กเล็กๆที่ทำให้เด็กอาจกลืนลงคอได้โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--