ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์ดิ่งหนักเทียบยูโร จากกระแสคาดเฟดลดดอกเบี้ย

          ภาวะการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (10 ก.ย.) ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเกือบแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร เนื่องจากมีกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย แม้นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดไม่ได้ส่งสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่เยอรมนีก็ตาม
          สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.3832 ดอลลาร์ต่อยูโร จากระดับของวันจันทร์ที่ 1.3808 ดอลลาร์ต่อยูโร ซึ่งใกล้แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.3852 ดอลลาร์ต่อยูโร 
          ขณะที่ค่าเงินปอนด์แข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 2.0317 ดอลลาร์ต่อปอนด์ จากระดับ 2.0279 ดอลลาร์ต่อปอนด์ อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์แข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 114.30 เยนต่อดอลลาร์ จากระดับ 113.56 เยนต่อดอลลาร์
          ดอลลาร์สหรัฐร่วงลงนับตั้งแต่กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานใหม่นอกภาคการเกษตรประจำเดือนส.ค.ลดลง 4,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นการปรับตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2546 ซึ่งสำคัญสาเหตุที่ทำให้ตัวเลขการจ้างงานลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีนั้น เป็นผลมาจากคนงานในภาคการผลิตและการก่อสร้างร่วงลงอย่างมาก
          ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่ลดลงเกินคาดได้จุดกระแสคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 18 ก.ย.นี้ ซึ่งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยแม้เป็นยุทธศาสตร์ที่ธนาคารกลางใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ในอีกด้านหนึ่งนั้น การลดอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลกระทบต่อค่าเงิน เพราะจะทำให้สินทรัพย์ในรูปสกุลเงินนั้นๆมีมูลค่าน้อยลงและไม่น่าดึงดูดใจ
          ในการกล่าวสุนทรพจน์ที่ธนาคารบุนเดสแบงค์ของเยอรมนีนั้น นายเบอร์นันเก้ ไม่ได้จะส่งสัญญาณเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่กล่าวเพียงว่าทุกประเทศทั่วโลกจำเป็นต้องร่วมมือกันเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และรักษาเศรษฐกิจโลกให้สมดุลทันทีที่เกิดภาวะขาดดุลการค้าหรือเกินดุลการค้า
          "ก่อนหน้านี้เราคาดว่าเบอร์นันเก้จะส่งสัญญาณเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ในเมื่อสถานการณ์กลับออกมาในทางตรงกันข้าม จึงทำให้ดอลลาร์สหรัฐถูกเทขายอย่างหนัก" นายไมเคิล วูลฟอล์ค นักวิเคราะห์จากแบงค์ ออฟ นิวยอร์กกล่าว
            กระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยว่า ยอดขาดดุลการค้าลดลงสู่ระดับ 5.92 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.ค.จากระดับ  5.94 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนมิ.ย. แต่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 5.9 หมื่นล้านดอลลาร์