ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์หน้า (5-9 เม.ย.) ไว้ที่ 31.00-31.50 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกของ IMF ทิศทางบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ และถ้อยแถลงของประธานเฟด ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI และ ISM ภาคบริการเดือน มี.ค., ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือน มี.ค., ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือน ก.พ., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และรายงานการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 16-17 มี.ค. นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามดัชนี PMI ภาคบริการเดือน มี.ค.ของจีน ยูโรโซน และอังกฤษ รวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิตและดัชนีราคาผู้บริโภคเดือน มี.ค.ของจีนด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 5 เดือนครึ่งที่ 31.40 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทอ่อนค่าลงสวนทางเงินดอลลาร์ที่ได้รับแรงหนุนในฐานะสกุลเงินปลอดภัยท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับข่าวการผิดนัดชำระการเพิ่มเงินประกันของเฮดจ์ฟันด์รายหนึ่งในสหรัฐฯ ในช่วงต้นสัปดาห์ นอกจากนี้เงินดอลลาร์ยังมีปัจจัยบวกจากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งได้รับแรงหนุนเพิ่มเติมจากโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ขณะที่เงินบาทเผชิญแรงกดดันจากผลของการส่งกลับกำไรและเงินปันผลของบริษัทต่างชาติในช่วงก่อนสิ้นไตรมาส 1/64 ด้วยเช่นกัน
โดยในวันศุกร์ (2 เม.ย.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 31.30 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับระดับ 31.07 บาท/ดอลลาร์ในวันศุกร์ก่อนหน้า (26 มี.ค.)