(เพิ่มเติม) "ฉลองภพ"เตือนธปท.กำหนดนโยบายการเงินต้องสอดคล้องการคลัง

ข่าวเศรษฐกิจ Monday September 17, 2007 12:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รมว.คลัง กล่าวว่า การกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ในระยะต่อไป ควรจะพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง เพื่อให้เกิดความสอดคล้องกับนโยบายการคลัง เพราะหากต่างคนต่างทำ ก็จะไม่เกิดประสิทธิภาพในการบริหารจัดการนโยบายเศรษฐกิจมหภาค 
"ประเด็นที่ผมมองว่าทั้งแบงก์ชาติและกระทรวงการคลัง ต้องศึกษาวิจัยและเชิงลึก เพื่อกำหนดกรอบในการบริหารนโยบายเศรษฐกิจมหภาคของประเทศให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าปัจจุบัน กระทรวงการคลังและแบงก์ชาติจะต้องไปหารือกันว่ากรอบที่จะดูแลเศรษฐกิจมหภาคของประเทศจะเติบโตไปในทิศทางไหน"
"ต่อไปนี้ทั้งสองฝ่ายต้องประสานงานกันมากขึ้น ในอนาคตกระทรวงการคลังก็จะมีเครื่องมือที่จะเข้ามาช่วยธปท.หลายเรื่องโดยเฉพาะในการดูแลอัตราแลกเปลี่ยน"นายฉลองภพ กล่าวในหัวข้อ"นโยบายเศรษฐกิจการคลังการเงินในยุคเปลี่ยนผ่าน"ระหว่างการสัมมนาทางวิชาการของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)
รมว.คลัง ยังเห็นด้วยกับทฤษฏีที่ว่านโยบายการคลังจะไม่เกิดประสิทธิภาพในการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ หากประเทศนั้นมีการใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนลอยตัวอย่างเสรี รวมถึงมีการไหลเข้าออกของเงินทุนอย่างเสรี
"กรณีที่อัตราแลกเปลี่ยนลอยตัวแบบเสรี และมีเงินทุนไหลเข้าออกได้เสรี หากใช้นโยบายการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจมาก จะทำให้สภาพคล่องในประเทศลดลง และผลักดันให้อัตราดอกเบี้ยในประเทศเพิ่มขึ้น ซี่งเงินจะไหลเข้าจากต่างประเทศ และทำให้บาทแข็งส่งผลให้ขีดความสามารถการส่งออกของไทยลดลง สิ่งนี้มันจะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติและทำให้การดำเนินนโยบายการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจะไม่เกิดผล" รมว.คลัง ระบุ
นายฉลองภพ ยังแสดงความอึดอัดใจต่อกรณีที่ในฐานะรมว.คลัง จะต้องนั่งเป็นประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พรบ.งบประมาณรายจ่าย เนื่องจากมองว่ากระทรวงการคลังไม่ได้ทำหน้าที่โดยตรงในเรื่องการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี แต่หน่วยงานที่ทำหน้าที่โดยตรงคือสำนักงบประมาณที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักนายกรัฐมนตรี ดังนั้นผู้ที่เหมาะสมจะนั่งตำแหน่งประธานกรรมาธิการวิสามัญฯ ควรจะเป็นหน้าที่ของรองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลด้านเศรษฐกิจ
"รู้สึกอึดอัดที่ไม่สามารถดูแลนโยบายการคลังได้เบ็ดเสร็จ...กระทรวงคลังไม่เกี่ยวกับการจัดสรรงบ แต่คนจัดสรรคือสำนักงบประมาณ แต่กลับให้รมว.คลังเป็นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบฯ ดูว่าไม่เหมาะสม ควรให้รองนายกฯ ที่ดูแลสำนักงบฯ มานั่งจะเหมาะกว่า" รมว.คลังกล่าว
นายณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานกรรมการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(EXIM BANK) กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลใหม่จะต้องคำนึงถึงการดำเนินนโยบายการเงินการคลังในอนาคต เพื่อให้นโยบายดังกล่าวมีความสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกที่เป็นอยู่ ประกอบด้วย 3 หลักใหญ่ คือ นโยบายที่ต้องมีความยืดหยุ่น, มาตรการที่หลากหลาย และวิธีปฏิบัติที่โปร่งใส
นโนบายด้านการคลังในอนาคตนั้น แนวโน้มจะต้องเป็นเรื่องของภาษีรายจ่ายมากกว่าภาษีรายได้, รายจ่ายลงทุนของภาครัฐควรเป็นไปตามเกณฑ์การพัฒนาที่ยั่งยืน, รายจ่ายเพื่อสาธารณะต้องมีความชัดเจน, รายได้ต้องเกิดความคุ้มค่าจากทรัพย์สินของรัฐ และมีมาตรการออกตราสาร รวมทั้งกฎระเบียบเพื่อช่วยพัฒนาตลาดเงินตลาดทุน
ส่วนนโยบายการเงินในอนาคตนั้น จะต้องมุ่งเน้นการรักษาเสถียรภาพของค่าเงิน, เพิ่มทางเลือกในการบริหารผลประโยชน์จากเงินสำรอง, เพิ่มช่องทางการออม รวมถึงการพัฒนาตราสารในประเทศและในภูมิภาค และมีการตรวจสอบจัดชั้น, ต้องเชื่อมต่อตลาดเงินและตลาดทุนในต่างประเทศ และสุดท้ายต้องร่วมมือกับประเทศในเอเชียเพื่อพัฒนาตลาดเงิน ตลาดทุน และระบบอัตราแลกเปลี่ยน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ