นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาด TFEX เปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำเริ่มกลับมามีสัญญาณรีบาวด์แม้ระยะสั้นจะมีแรงเทขายสลับออกมาแต่ก็ไม่ได้ทำจุดต่ำสุดใหม่ ลงไปแค่ 1,678 ดออลาร์สหรัฐต่อออนซ์ จึงถือเป็นสัญญาณที่ดี จึงทำให้ภาพระยะสั้นที่เป็นขาลงพลิกมาเป็นการรีบาวด์
แต่ในระยะสั้นหากไม่ผ่านแนวต้าน 1,762 ดออลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ยังมีโอกาสเกิดการขายทำกำไรทำให้ราคาอาจปรับลดลงมาแถว 1,717-1,700 ดออลาร์สหรัฐต่อออนซ์อีกครั้ง กลับกันหากผ่านแนวต้านดังกล่าวได้ทิศทางระยะสั้นจะสดใสมากขึ้น สำหรับการปรับขึ้นของราคาทองคำในช่วงสั้นนี้มาจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐถูกขายทำกำไรออกมาหลังจากที่แข็งค่ามาอย่างต่อเนื่องนับจากต้นปี
อย่างไรก็ดี ในระยะยาวทองคำยังคงเป็นขาขึ้น เนื่องจากความเสี่ยงเรื่องเงินเฟ้อหลังจากการอัดฉีดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐในปริมาณมหาศาลที่จะส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐมีโอกาสอ่อนค่าลงในระยะยาว อีกทั้งปัจจัยด้านการระบาดของโควิด-19 ที่เริ่มกลับมาน่ากังวลในช่วงนี้ก็ยังเป็นปัจจัยหนุนต่อราคาทองคำ ถึงแม้ว่าหลายประเทศจะเริ่มฉีดวัคซีน แต่ IMF ก็ได้ออกมาเตือนว่ายังคงมีความท้าทาย เนื่องจากแต่ละประเทศมีความคืบหน้าการฉีดวัคซีนไม่เท่ากัน อีกทั้ง IMF ออกมาเตือนว่าปัจจุบันตลาดหุ้นซื้อขายในระดับราคาสูงกว่าปัจจัยพื้นฐานซึ่งก่อให้เกิดความกังวลว่าตลาดอาจแบกรับความเสี่ยงมากเกินไป โดยปัจจัยเหล่านี้ถือว่าเป็นปัจจัยบวกต่อทองคำ
นอกจากนี้แม้ว่าภาพรวมของกองทุนทองคำขนาดใหญ่เช่น SPDR ยังคงขายทองต่อเนื่องจากต้นปี แต่อุปสงค์การซื้อทองคำจากผู้บริโภค โดยเฉพาะจีนและอินเดีย ยังคงทำการเข้าซื้อเมื่อราคาทองปรับลดลงในระดับต่ำ จึงเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยพยุงราคาทองคำไว้ สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในทองคำระยะสั้นแนะนำเข้าซื้อที่แนวรับ 1,717 ดออลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ส่วนแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,700 ดออลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือเทียบเป็นเงินบาทจะอยู่ใกล้ๆ 25,500 บาทต่อบาททองคำ ส่วนแนวต้านแรกอยู่ที่ 1,762 ดออลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ แนะนำขายหากราคาขึ้นไป 26,200 บาทต่อบาททองคำ แต่หากผ่านได้แนะนำถือต่อ