นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า แนวโน้มการส่งออกผลไม้ของไทยขยายตัวได้ดีในสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ประสบความผันผวนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเฉพาะการส่งออกไปประเทศคู่ค้าที่ไทยมีความตกลงการค้าเสรี (FTA) 18 ประเทศ ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2564 (ม.ค.-ก.พ.) ขยายตัว 107% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 มูลค่าการส่งออกรวม 461 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 94.94% ของการส่งออกผลไม้ทั้งหมด
ตลาดการส่งออกที่มีการขยายตัว ได้แก่ จีน (+162%) มาเลเซีย (+263%) สิงคโปร์ (+44%) อินโดนีเซีย (+686%) ฟิลิปปินส์ (+187%) ฮ่องกง (+19%) ออสเตรเลีย (+8%) และชิลี (+786%) เป็นต้น โดยทุเรียนสด มังคุดสด ลำไยสด และมะม่วงสด เป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมสูง สอดคล้องกับสถิติการขอใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA ในการส่งออก ซึ่งผู้ส่งออกไทยขอใช้สิทธิในการส่งออกผลไม้ดังกล่าวในลำดับแรกๆ
อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ความตกลงการค้าเสรี มีส่วนสำคัญที่ช่วยให้การส่งออกผลไม้ของไทยเติบโต โดยภายใต้ความตกลงการค้าเสรีของไทยที่มีผลใช้บังคับแล้วจำนวน 13 ฉบับกับ 18 ประเทศ ซึ่งปัจจุบัน 12 ประเทศคู่ FTA ได้แก่ จีน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี เปรู บรูไน สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เมียนมา และฮ่องกง ได้ยกเว้นการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าผลไม้สดผลไม้แช่แข็งและผลไม้แห้งทุกรายการจากไทยแล้ว สำหรับอีก 6 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ได้ยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าผลไม้ส่วนใหญ่ให้ไทยเหลือเพียงสินค้าบางชนิดที่ยังเก็บภาษีนำเข้าจากไทย
นอกจากนี้ ภายใต้ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ซึ่งไทยเพิ่งร่วมลงนามไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2563 ส่งผลให้ไทยสามารถผลักดันการลดภาษีเพิ่มเติมในสินค้าผลไม้ เช่น เกาหลีใต้จะทยอยลดภาษีทุเรียนสดและมังคุดสด และเวียดนามจะทยอยลดภาษีส้ม จนเหลือ 0% ในปีที่ 10 หลังความตกลงมีผลใช้บังคับ เป็นต้น
ปัจจุบันไทยเป็นประเทศผู้ส่งออกผลไม้อันดับที่ 7 ของโลก และในระยะยาวการค้าผลไม้มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงถือเป็นโอกาสทองที่เกษตรกรและผู้ประกอบการไทยจะขยายการส่งออกไปต่างประเทศได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตลาดที่ไทยมีความตกลงการค้าเสรีด้วย ตลอดจนการรักษามาตรฐานสินค้าให้สอดคล้องกับหลักการสากล พัฒนาคุณภาพการผลิตตามความต้องการตลาด และการปรับตัวสู่การค้ายุคใหม่ ซึ่งจะช่วยยกระดับสินค้าและสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค ควบคู่ไปกับการใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA ให้เต็มที่เพื่อครอบครองตลาดและสร้างมูลค่าเพิ่มที่สูงขึ้นให้สินค้าผลไม้ไทย