อนุสรณ์ จี้รัฐชดเชยให้แรงงาน-ผู้ประกอบการรายเล็กหลังกทม.สั่งปิดกิจการชั่วคราว

ข่าวเศรษฐกิจ Sunday April 25, 2021 18:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง และ อดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม. รังสิต กล่าวถึงการออกคำสั่งเพื่อให้ปิดกิจการของกรุงเทพมหานครและจังหวัดต่างๆเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 นั้นว่า จะทำให้ผู้ใช้แรงงานรายวัน และ กิจการขนาดเล็กขนาดย่อมได้รับผลกระทบอย่างมาก จึงขอเสนอให้มีการจัดสรรงบประมาณชดเชยรายได้ให้กับผู้ใช้แรงงานและผู้ประกอบการในกิจการขนาดย่อมและขนาดเล็กทั้งหมดที่ถูกคำสั่งปิดกิจการโดยอำนาจรัฐ อย่างของกรุงเทพมหานคร มีการสั่งปิดกิจการ 31 ประเภทเป็นระยะเวลา 14 วัน

การปิดกิจการดังกล่าวมีความจำเป็นเนื่องจากยอดการติดเชื้อรายวันของไทยขึ้นไปสูงกว่าประเทศอังกฤษซึ่งเป็นประเทศที่มีการแพร่ระบาดรุนแรง นอกจากนี้ไทยยังสามารถฉีดวัคซีนได้ไม่ถึง 2% ของประชากร อยู่ในอันดับรั้งท้ายในระดับโลกและในภูมิภาค อาเซียน

นายอนุสรณ์ กล่าวเสนออีกว่า รัฐควรให้แรงจูงใจทางด้านภาษีและการหักลดหย่อนภาษีให้กับบุคคลหรือเอกชนที่ได้ช่วยเหลือกิจการสาธารณสุขของประเทศเพื่อรับมือระบาดระลอกสามและระลอกสี่ และให้ Tax Credit กับเอกชนที่ช่วยจัดหาวัคซีนและฉีดวัคซีน โดยให้นำเงินงบประมาณในปี 2564-2565 ที่ไม่จำเป็นเร่งด่วนมาใช้ตามข้อเสนอดังกล่าว หรือ ออกพันธบัตรระยะยาวกู้เงินมาสนับสนุนการดำเนินการดังกล่าว

แม้นจะมีมาตรการ lockdown บางส่วน ประเมินผู้ติดเชื้ออาจเพิ่มขึ้นไปแตะระดับหนึ่งแสนคนในช่วงเดือนมิถุนายนโดยการระบาดน่าจะแตะระดับสูงสุดต้นเดือนพฤษภาคมโดยน่าจะติดเชื้อถึงวันละ 3,000-4,500 คนต่อวันได้ และอาจทะยอยลดลงได้หากการควบคุมมีประสิทธิภาพและเร่งฉีดวัคซีนให้ได้วันละ 500,000 คนต่อวัน หากไม่สามารถฉีดวัคซีนให้ได้ในระดับดังกล่าว ขอแนะนำให้เลื่อนการเปิดประเทศไปก่อน ก่อนหน้านี้ ตนเคย ได้คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสสองอาจทรุดหนักถึงขั้นติดลบได้เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกจากการแพร่ระบาดระลอกสามและทำให้อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจทั้งปีไม่น่าจะถึง 2% หากปล่อยให้มีคนติดเชื้อมากกว่าหนึ่งแสนคนขึ้นไป แม้นเปิดประเทศแต่จะไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามา การคาดการณ์ว่า นักท่องเที่ยวจากต่างชาติจะเข้ามาในประเทศไทยสามล้านคนเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

การประเมินอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปีนี้จะต้องทบทวนกันใหม่หลังจากเห็นภาพที่ชัดเจนเรื่องประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการฉีดวัคซีนและการควบคุมการแพร่ระบาดระลอกสาม

นายอนุสรณ์ เสนอว่า การเร่งฉีดวัคซีนพร้อมการเตรียมการรับมือผู้ป่วยจำนวนมากทั้งการสร้างโรงพยาบาลภาคสนามเพิ่ม การเตรียมอุปการทางการแพทย์และยารักษาโรคให้เพียงพอ การจัดการผลิตหน้ากากอนามัยและเจล ล้างมือและแอลกอฮอล์ให้เพียงพอต่อความต้องการ โดยตนขอเสนอให้รัฐบาลสั่งการให้หน่วยงานในกระทรวงสาธารณสุขและกองทัพจัดสร้างโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น เพื่อให้โรงพยาบาลหลักสามารถรองรับผู้ป่วยหนักในโรคร้ายอื่นๆได้อย่างเต็มที่ รัฐต้องสนับสนุนให้โรงงานเร่งผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์และอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อให้เพียงพอต่อความต้องการเพิ่มขึ้นในอนาคต

นายอนุสรณ์ กล่าวอีกว่า การระบาดระลอกสามก่อปัญหาการว่างงานเพิ่มขึ้นอีกจากวิกฤติเลิกจ้างที่ดำรงอยู่แล้ว สถานการณ์เลิกจ้างอาจรุนแรงกว่าปีที่แล้ว หากภาคส่งออกไม่ขยายตัวตามเป้า ส่วนการคาดหวังนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามามากกว่า 3 ล้านคนในปีนี้มีความเป็นไปได้น้อยมาก แรงงานในภาคการท่องเที่ยว การบริการอาหาร กิจการบันเทิงและสันทนาการมีความเสี่ยงถูกเลิกจ้างสูงสุด ฉะนั้น หากส่งออกไทยสามารถขยายตัวได้ในระดับมากกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือนต่อเนื่องจากการขยายตัวเป็นบวกในระดับสูงในเดือนมีนาคมจะช่วยบรรเทาปัญหาการว่างงานในภาพรวมได้บ้าง

โดยสินค้าที่ขยายตัวสูง คือ กลุ่มอาหารและสินค้าเกษตร สินค้าที่เกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อและลดการแพร่ระบาด เช่น ถุงมือยาง ชุดป้องกันเชื้อ เป็นต้น กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า การจ้างงานในกิจการอุตสาหกรรมส่งออกเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นแต่ไม่สามารถช่วยทำให้การจ้างงานในบางภาคเศรษฐกิจดีขึ้นโดยเฉพาะภาคท่องเที่ยวและธุรกิจบันเทิงกลางคืนเพราะเป็นตลาดแรงงานคนละส่วนกัน หากสถานการณ์การแพร่ระบาด covid-19 ในโลกยังยืดเยื้อรุนแรง บริษัทผลิตและจำหน่ายวัคซีนและยา อุปกรณ์ทางการแพทย์และบริการประกันสุขภาพจะยังคงมีการเติบโตสูงไปอีกหลายปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ