ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 31.40/45 โควิดในปท.ยังกดดันค่าเงินบาท คาดกรอบพรุ่งนี้ 31.35 - 31.50

ข่าวเศรษฐกิจ Monday April 26, 2021 17:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 31.40/45 บาท/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ เปิดตลาดที่ระดับ 31.39 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทช่วงระหว่างวันปรับอ่อนค่าไปเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ โดยปัจจัยสำคัญที่ตลาดสนใจยังเป็นสถานการณ์การ ระบาดของไวรัสโควิดในประเทศ เพราะถือว่าเป็นปัจจัยกดดันที่ทำให้เงินบาทยังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบที่จำกัด

ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ นักลงทุนรอติดตามผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ช่วงกลางสัปดาห์นี้ ว่าจะส่งสัญญาณการ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามธนาคารกลางแคนาดาหรือไม่ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น

"ตลาดรอดูประชุมเฟดว่าจะส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยตามธนาคารกลางแคนาดาหรือไม่ เพราะตอนนี้แนวโน้มเศรษฐกิจดี หาส่ง สัญญาณขึ้นดอกเบี้ย ดอลลาร์ก็จะแข็งค่าต่อ และบาทก็จะปร้บอ่อนค่าได้" นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.35 - 31.50 บาท/ดอลลาร์

  • ปัจจัยสำคัญ
  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 107.50/90 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 107.83 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2075/2120 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.2105 ดอลลาร์/ยูโร
  • ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,559.53 จุด เพิ่มขึ้น 5.94 จุด (+0.38%) มูลค่าการซื้อขาย 83,672 ล้านบาท
  • สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,920.16 ลบ.(SET+MAI)
  • กระทรวงการคลัง เผยได้เตรียมงบประมาณสำหรับการดำเนินการแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้
รับผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 กว่า 3 แสนล้านบาท โดยจะเป็นการช่วยอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ลด
ภาระของประชาชน กระตุ้นการใช้จ่ายและการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะต่อไป
  • กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP Research) ปรับลดประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจลงอีกครั้งมาที่ 2.2% จาก
เดิมคาดไว้ที่ 2.7% เป็นผลจากการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ในเดือน เม.ย.64 ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการบริโภคภาคเอกชน
ในช่วงไตรมาส 2/64 และยังปรับลดการคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวจาก 1 ล้านคนเหลือเพียง 5 แสนคนในปีนี้ เนื่องจากการฉีดวัคซีน
ค่อนข้างช้า
  • ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สนค. ได้จัดทำรายงานดัชนี
ชี้วัดศักยภาพการนำเข้า (Import Potential Index: IPI) เพื่อเป็นเครื่องมือประเมินความสามารถในการนำเข้าของประเทศคู่ค้า
ของไทย โดยผลการจัดอันดับดัชนี IPI พบว่าประเทศที่มีศักยภาพการนำเข้าสูงสุด 10 อันดับแรก คือ สหรัฐอเมริกา จีน สิงคโปร์
ฮ่องกง เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ตามลำดับ
  • ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เริ่มเปิดการประชุมในวันนี้เป็นวันแรก เพื่อประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจภายในประเทศ หลัง
จากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พุ่งขึ้น และทำให้รัฐบาลต้องประกาศภาวะฉุกเฉินแล้วในกรุงโตเกียว และอีก 3 จังหวัด โดยนัก
วิเคราะห์คาดการณ์ว่า BOJ จะคงนโยบายการเงินในการประชุมครั้งนี้ หลังจากที่ได้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ -0.1%
  • ธนาคารกลางจีนได้อัดฉีดเงิน 1 หมื่นล้านหยวน (ราว 1.54 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ผ่านทางข้อตกลง reverse
repos ประเภทอายุ 7 วันในวันนี้ และกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่ 2.2% โดยมีเป้าหมายที่จะรักษาสภาพคล่องในระบบธนาคารให้เพียงพอ
  • ธนาคารโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของอังกฤษมีแนวโน้มจะเติบโตได้เร็วกว่าสหรัฐในปี 64 เนื่องจากมีการ

ระดมฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 อย่างรวดเร็ว หลังจากเศรษฐกิจอังกฤษชะลอตัวลงในปี 2563 โดยคาดว่า GDP ของอังกฤษจะขยายตัวขึ้น

อย่างแข็งแกร่งแตะระดับ 7.8% ในปีนี้ ซึ่งมากกว่าตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจของสหรัฐ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ