ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนไหวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลยูโรที่ตลาดปริวรรตเงินตราฮ่องกงบ่ายวันนี้(4 ต.ค.) เนื่องจากมีสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐที่ทรุดตัวลงจากวิกฤติซับไพรม์นั้นเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น จนทำให้โอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในดือนนี้ลดน้อยลง
ตัวเลขเศรษฐกิจที่เผยแพร่เมื่อคืนนี้บ่งชี้ว่า ภาคอุตสาหกรรมบริการยังคงขยายตัวต่อเนื่องในเดือนก.ย. ขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่คาดว่า รายงานตัวเลขจ้างงานในคืนวันศุกร์นี้ สหรัฐจะมีอัตราจ้างงานเพิ่มขึ้น 100,000 ตำแหน่ง หลังจากที่ปรับตัวลดลง 4,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค.
"ขณะนี้ ตลาดเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากรายงานตัวเลขจ้างงานในวันพรุ่งนี้ออกมาแข็งแกร่ง"มาร์ก วาน รองประธานด้านนโยบายการคลังจากธนาคารดีบีเอสในฮ่องกงกล่าว "ถ้าตัวเลขจ้างงานแข็งแกร่งก็จะส่งผลให้เงินดอลลาร์ดีดตัวขึ้นแตะที่ระดับ 1.39 ดอลลาร์ต่อยูโร ซึ่งนับเป็นโอกาสอันดีในการเข้าซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐ"
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงมาแตะที่ 1.4090 ดอลลาร์ต่อยูโร ร่วงลงจากระดับ1.4097 ดอลลาร์ต่อยูโรที่ตลาดปริวรรตเงินตราออสเตรเลียเช้านี้ และเคลื่อนไหวจากระดับ 1.4085 ดอลลาร์ต่อยูโรที่ตลาดนิวยอร์กคืนวานนี้มาแตะที่ระดับต่ำสุดที่ 1.4079 ดอลลาร์ต่อยูโรในช่วงเที่ยงวันนี้
ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าเทียบเยนที่ 116.48 เยนต่อดอลลาร์ จากระดับ 116.74 เยนต่อดอลลาร์เช้านี้ และอ่อนค่าจากระดับ 116.75 เยนต่อดอลลาร์เมื่อคืนที่ผ่านมา
โทมัส แลม นักวิเคราะห์จากธนาคารยูไนเต็ด โอเวอร์ซีย์ แบงก์ ในสิงคโปร์กล่าวว่า "ตลาดสินเชื่อในสหรัฐเริ่มมีเสถียรภาพ ขณะที่ตลาดหุ้นก็เคลื่อนไหวในทิศทางที่ดีขึ้น"
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ในปลายปีนี้ ซึ่งนายมาร์ก วาน มองว่า แม้เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยตามที่คาดไว้จริง แต่ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อค่าเงินดอลลาร์ เพราะตลาดได้ซึมซับการคาดการณ์นี้ไว้แล้ว
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--