พาณิชย์เรียกผู้ผลิต-ค้าปลีกรายใหญ่ประชุมสัปดาห์หน้าถกปัญหาราคาสินค้า

          นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า วันที่ 17 ต.ค.นี้จะเชิญผู้ผลิตสินค้าประมาณ 200 รายการที่กรมการค้าภายในติดตามดูแล ตลอดจนห้างค้าปลีกรายใหญ่มาหารือถึงสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันมีความเหมาะสมในการปรับขึ้นราคาหรือไม่ เนื่องจากรายได้ของผู้บริโภคยังไม่ปรับขึ้น ดังนั้นถ้าหากปรับขึ้นราคาสินค้าจะเพิ่มภาระให้แก่ผู้บริโภคอย่างมาก โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าเกษตร 
          ทั้งนี้ยังคงยืนยันเช่นเดิมว่ากรมการค้าภายในยังไม่อนุมัติให้สินค้ารายการใดปรับขึ้นราคา โดยการพิจารณาอนุมัตินั้นจะพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อทั้งผู้บริโภคและผู้ผลิต และหากสินค้าใดมีต้นทุนที่ปรับลดลงก็ควรจะปรับราคาสินค้าลงตามด้วย
          พร้อมกันนี้ยังได้เตือนไปยังผู้ผลิตและผู้จำหน่ายสินค้าไม่ให้มีการกักตุนสินค้า ซึ่งหากพบว่ารายใดกักตุนจนทำให้ตลาดปั่นป่วน  จะมีโทษตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ 2542 มีโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
           ด้าน นายเกริกไกร จีระแพทย์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในตรวจสอบราคาสินค้าอุปโภคบริโภค 14 สินค้า 588 รายการที่จำเป็นต่อค่าครองชีพที่ยื่นขอปรับขึ้นราคามา เช่น ยางรถยนต์ แบตเตอรี่ ปุ๋ยเคมี กาแฟผง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง ยารักษาโรค น้ำมันพืช ผงซักฟอก เป็นต้น ว่ามีสินค้าใดที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้นจนกระทบต่อต้นทุนการผลิต ซึ่งหากกระทบต่อต้นทุนผลิตสินค้าจริง กระทรวงคงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด
          "สินค้าอะไรที่ต้นทุนเพิ่มขึ้นจริงก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกลไกตลาด โดยปล่อยให้ปรับเพิ่มราคาได้บ้าง เพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการต้องปิดกิจการ แต่การปรับเพิ่มราคาสินค้าจะต้องไม่ทำให้ผู้บริโภคเดือดร้อนมากเกินไป" นายเกริกไกร กล่าว
          รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า หากพิจารณากลไกตลาดขณะนี้จะพบว่าการปรับเพิ่มราคาสินค้าอาจไม่ใช่ทางที่ถูกต้อง เพราะตลาดมีสินค้าหลากหลาย ผู้บริโภคมีทางเลือกซื้อสินค้าชนิดเดียวกันมากขึ้น จึงขอร้องผู้ประกอบการให้ช่วยแบกรับภาระต้นทุนต่อไปเท่าที่จะทำได้
          อย่างไรก็ดี หากผู้บริโภคได้รับผลกระทบมากจนเกินไป กระทรวงพาณิชย์จะจัดโครงการธงฟ้าราคาประหยัดเพื่อจำหน่ายสินค้าราคาที่เป็นธรรมและช่วยลดผลกระทบค่าครองชีพ