ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือนเม.ย.64 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 46.0 จากในเดือนมี.ค. ซึ่งอยู่ที่ระดับ 50.1 จากการลดลงในทุกองค์ประกอบย่อยและในเกือบทุกธุรกิจ สำหรับภาคการผลิต กลุ่มธุรกิจผลิตยานยนต์ ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงผลิตเคมี ปิโตรเลียม ยาง และพลาสติก มีความเชื่อมั่นลดลงจากด้านคำสั่งซื้อและการผลิตเป็นสำคัญ จากปัจจัยฤดูกาลที่มีวันหยุดยาวในเดือน เม.ย.
นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นด้านต้นทุนของธุรกิจผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ปรับลดลงมาอยู่ในระดับต่ำมาก จากปัญหาขาดแคลนชิปที่กดดันราคาวัตถุดิบให้เร่งตัวขึ้น
สำหรับความเชื่อมั่นของภาคที่มิใช่การผลิตปรับลดลงเช่นกัน จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกเดือน เม.ย. ที่มีแนวโน้ม ลุกลามเป็นวงกว้าง ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารปรับลดลงและอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง เช่นเดียวกับกลุ่มค้าปลีกที่ความเชื่อมั่นปรับลดลงมาก ทั้งในด้านคำสั่งซื้อ ปริมาณการค้า และผลประกอบการ โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐบางส่วนที่สิ้นสุดลงในเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา
ดัชนีความเชื่อมั่นใน 3 เดือนข้างหน้าปรับลดลงมาอยู่ที่ 51.0 ตามความเชื่อมั่นที่ลดลงของธุรกิจในภาคที่มิใช่การผลิตเป็นสำคัญ จากความกังวลของผู้ประกอบการว่าการแพร่ระบาดระลอกเดือน เม.ย.จะยืดเยื้อ ส่งผลให้ภาวะธุรกิจแย่ลงจากปัจจุบัน โดยเฉพาะในธุรกิจขนส่งผู้โดยสาร โรงแรมและร้านอาหาร และธุรกิจการค้าที่ความเชื่อมั่นด้านคำสั่งซื้อ ผลประกอบการ รวมถึงปริมาณการค้าและการบริการปรับลดลงมาก
ขณะที่ดัชนีฯ ของธุรกิจในภาคการผลิตส่วนใหญ่ค่อนข้างทรงตัว และยังอยู่เหนือระดับ 50 ยกเว้นกลุ่มผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ความเชื่อมั่นด้านการผลิตปรับลดลงมาก ส่วนหนึ่งเกิดจากความความกังวลว่าปัญหาขาดแคลนชิปอาจเริ่มส่งผลกระทบต่อการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าบางประเภทได้ในอนาคต