แคปเจมินิและเมอร์ริล ลินช์เปิดเผยรายงานการขยายตัวของเศรษฐีในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกครั้งที่สองว่า ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกมีจำนวนเศรษฐีที่มีทรัพย์สินตั้งแต่ 1 ล้านดอลลาร์เพิ่มขึ้น 8.6% เป็นจำนวน 2.6 ล้านรายในปี 2549 ซึ่งเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจในภูมิภาคที่ขยายตัวดีขึ้น ประกอบกับราคาหุ้นมีมูลค่าสูงขึ้น
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานข้อมูลดังกล่าวที่ระบุว่า จำนวนเศรษฐีที่ปรับตัวสูงขึ้นในปีที่ผ่านมาส่งผลให้ยอดรวมของผู้ที่เข้าข่ายเป็นเศรษฐีเงินล้านถีบตัวสูงขึ้น 10.5% แตะที่ 8.4 ล้านล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเศรษฐีจากจีนและญี่ปุ่นถึง 64% โดยรายงานคาดว่า จำนวนเศรษฐีจะเพิ่มขึ้น 8.5% ต่อปีแตะที่ 12.7 ล้านคนในปี 2554 ขณะที่จำนวนเศรษฐีทั่วโลกจะสูงขึ้น 6.8%
โดยเศรษฐีส่วนใหญ่ในเอเชีย-แปซิฟิกมีอายุอยู่ในช่วง 41-55 ปี ยกเว้นเศรษฐีจากญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ที่ส่วนใหญ่มีอายุเลยวัย 56 ไปแล้ว ขณะที่ 26% ของเศรษฐีชาวจีนมักมีอายุในช่วง 31-40 ปี ส่วนเศรษฐีอินเดียที่อยู่ในช่วงอายุดังกล่าวมีจำนวน 19% เมื่อเทียบกับสัดส่วนของเศรษฐีของออสเตรเลียและญี่ปุ่นที่มีเพียง 6%
สำหรับบ่อเกิดแห่งความร่ำรวยของบรรดาเศรษฐีในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกนั้น ส่วนใหญ่มาจากการดำเนินธุรกิจในทุกประเภท ยกเว้นในประเทศญี่ปุ่นที่ 30% กลายเป็นเศรษฐีใหม่หลังได้รับมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษ
ทั้งนี้ ในปี 2549 เศรษฐีส่วนใหญ่หรือคิดเป็น 30% มักลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ 25% ลงทุนในตลาดหุ้น และ 22% ลงทุนในรูปแบบของเงินฝาก
นอกจากนี้ ยอดการลงทุนในสินทรัพย์คงที่และตลาดทางเลือกในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 15% และ 8% ตามลำดับ และคาดว่าการลงทุนประเภทนี้จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในปีหน้า เนื่องจากรัฐบาลในแต่ละประเภทเริ่มอนุญาตให้นักลงทุนสามารถเข้ามาดำเนินธุรกิจการเงินที่มีความซับซ้อนมากขึ้น พร้อมทั้งช่วยคุ้มครองมิให้นักลงทุนเผชิญความเสี่ยงควบคู่ไปด้วย
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--