นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากรายงานความเคลื่อนไหวตลาดต่างประเทศของสำนักพัฒนาตลาดและธุรกิจไทยในต่างประเทศ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ตามนโยบาย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สรุปได้ว่า ระหว่างและหลังจากสถานการณ์โควิด-19 พฤติกรรมผู้บริโภคทุกประเทศเปลี่ยนไป จึงมีข้อแนะนำที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการไทยทั้งเก่าใหม่และสตาร์ทอัพ เพื่อวางแผนให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคในแต่ละประเทศซึ่งเป็นเป้าหมายการส่งออกสินค้า เช่น โอกาสของผู้ที่ทำธุรกิจด้านความคิดสร้างสรรค์สามารถเติบโตได้ในไต้หวัน เนื่องจากผู้บริโภคชาวไต้หวันให้ความสำคัญกับคุณค่าและความคิดสร้างสรรค์เพราะมีส่วนส่งเสริมให้ประสบความสำเร็จในการยกระดับตัวเองจากการเป็นผู้ผลิตแบบ ODM (Original design Manufacturer) ที่มีบริการด้านการออกแบบและต่อยอดไปสู่ Original Brand Manufacturer ซึ่งเป็นการพัฒนาสู่การทำแปลงของตนเอง
ตลาดชาและกาแฟในประเทศมาเลเซีย เนื่องจากยอดขายชาภายในประเทศมาเลเซียเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 และชาดำเป็นที่นิยมบริโภคและแนวโน้มให้ความสนใจสินค้าเพื่อสุขภาพมากขึ้นเช่น ชาน้ำตาลต่ำ ชาที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ชาเขียว ชาผลไม้ นอกจากนี้ที่มาเลเซียยังมีมาตรการภาษีซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการ ที่ประเทศฟิลิปปินส์ จะเป็นตลาดและโอกาสของเทรนด์ธุรกิจออนไลน์เนื่องจากมีการตั้งธุรกิจใหม่เกิดขึ้นจำนวนมากและมีผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพของฟิลิปปินส์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมจึงสามารถที่จะเข้าร่วมทำการค้าและสร้างโอกาสเจาะตลาดได้ นอกจากนี้เทรนด์ของผู้บริโภคชาวฟิลิปปินส์ปัจจุบันยอมจ่ายเพื่อแลกกับความสะดวกยิ่งขึ้น ดังนั้นการขยายตลาดในช่องทางเดิมจะลำบาก สำหรับประเทศอินเดียแม้จะเจอภาวะวิกฤตโควิด-19 ค่อนข้างหนัก แต่ผู้บริโภคซึ่งเป็นประชากรกลุ่มชนชั้นกลางในอินเดียกว่า 55% กำลังขยายตัวทำให้เติบโตทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม ประชากรโดยเฉลี่ยมีอายุน้อยกว่าประเทศใหญ่อย่างจีนและสหรัฐอเมริกาและคาดการณ์กันว่าชนชั้นกลางอินเดียจะมีจำนวนมากที่สุดในโลกภายในปี 2568 และอินเดียมีขนาดประเทศใหญ่ประชากรกว่า 1.38 พันล้านคนมากเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากจีน โอกาสนี้จะเป็นของผู้ประกอบการด้านสินค้าและบริการ เพราะตรงกับการส่งเสริมการลงทุนจากรัฐบาลอินเดีย เป็นต้น
สำหรับตลาดสหรัฐอเมริกา กลุ่มคนเอเชียน-อเมริกัน เป็นพลังซื้อลูกใหม่ที่น่าจับตามองโดยข้อมูลสำมะโนประชากรของสหรัฐอเมริกาในช่วงปี 2543-2562 อเมริกันเชื้อสายเอเชียเติบโตเร็วมากโดยร้อยละ 56 อยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย นิวยอร์ก เท็กซัส นิวเจอร์ซี และรัฐอิลลินอยส์ ซึ่งรายงานของสถาบัน Pew Research Center ระบุว่ากำลังซื้อผู้บริโภคเอเชียน-อเมริกันล่าสุดรวม 17.8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ คือเพิ่มขึ้นเกือบ 100% เมื่อเทียบกับปี 2542 และจะเพิ่มขึ้นอีก โดยสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศประจำนครชิคาโก ระบุว่าเป็นโอกาสของสินค้าไทยในการบุกตลาดนี้โดยเฉพาะประเภทอาหาร เช่น ข้าวหอมมะลิ น้ำปลา บะหมี่สำเร็จรูป และสินค้าที่เข้าซุปเปอร์มาร์เก็ตตามเทรนด์ เป็นต้น ส่วนที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ จะเป็นโอกาสเกี่ยวกับการส่งออกพัสดุจากไทย เช่น ชิปบอร์ด พลาสติก และชิ้นส่วนจักรยานยนต์เพราะมีดัชนีที่วัดการผลิตของที่นั่นว่ามีความต้องการเพิ่ม ที่ประเทศอิตาลี เยอรมนี เดนมาร์ก อียิปต์ ก็จะเป็นโอกาสของสินค้าทางเลือกแนวใหม่ New normal ปลาทูน่ากระป๋อง cargo-bike กลุ่มผู้บริโภค Gen Z เช่นสินค้าอาหาร สินค้าบำรุงผิว สินค้าเพื่อสุขภาพ อุปกรณ์ตกแต่งบ้านและสินค้าที่มีใบรับรองมาตรฐานสากล เป็นต้น
นอกจากนี้ ยังมีตลาดอื่นทั้งตลาดเดิม ตลาดเก่า ตลาดใหม่ ที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้ให้นโยบายในการสำรวจและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเปิดโอกาสให้กับการส่งออกของไทยท่ามกลางภาวะวิกฤติโรคระบาดและปรับแผนกลยุทธ์เพื่อโอกาสหลังวิกฤติ โดยจะได้รายงานให้ผู้ประกอบการและประชาชนทราบอย่างต่อเนื่องต่อไปสำหรับในทุกตลาด และหลักใหญ่ใจความสำคัญคือการปรับตัวใช้เครื่องมือทางการสื่อสารและการค้าโดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยีและการเจรจาออนไลน์
โดยกระทรวงพาณิชย์ปัจจุบันทำงานเป็นทีมโดยปรับวิธีเน้นการเจรจาออนไลน์และจัด Online Business Matching ประชาชนและผู้ประกอบการทุกระดับสามารถติดตามทางเว็บไซต์กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์ได้ตลอดเวลาเพื่อติดตามความคืบหน้าหรือการลงทะเบียนเข้าร่วมทุกโอกาส