นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังจะเสนอร่าง พ.ร.บ.เงินตรา ให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)พิจารณาอีกครั้งในเร็วๆ นี้ หลังจากตัดมาตรา 34/3 และ 34/4 ออกแล้ว เนื่องจากยังมีผู้กังวลถึงการเพิ่มอำนาจธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ในการบริหารจัดการเงินทุนสำรองว่าอาจเกิดความเสี่ยงจากการนำเงินดังกล่าวออกมาลงทุนเพื่อให้ได้ผลประโยชน์เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม การแก้ไขในประเด็นดังกล่าวคงจะส่งผลกระทบต่อแผนชำระหนี้ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ซึ่งจะทำให้รัฐบาลต้องจัดสรรเงินงบประมาณมารับภาระดอกเบี้ยจ่ายที่สูงขึ้นเรื่อยๆ โดยขณะนี้ระดับบริหารได้มีการหารือกันเกี่ยวกับการวางแนวทางให้ ธปท.บริหารจัดการการดำเนินงานไม่ให้เกิดผลขาดทุน เพื่อให้มีความสามารถชำระคืนหนี้กองทุนฟื้นฟูฯได้
สำหรับภาระหนี้ของกองทุนฟื้นฟูฯ จากการเข้าไปช่วยเหลือสถาบันการเงินในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 ตามที่ได้มีการประเมินเมื่อปี 45 มีภาระหนี้ 1.4 ล้านล้านบาท แต่เนื่องจากที่ผ่านมา ธปท.มีผลดำเนินงานขาดทุน จึงถือว่าไม่มีความสามารถในการชำระหนี้ ทำให้ภาระหนี้ของกองทุนฟื้นฟูฯลดลงน้อยมาก
จุดประสงค์ของการเพิ่มเติม พ.ร.บ.เงินตราในมาตรา 34/3 และ 34/4 ต้องการแก้ไขให้สามารถนำบัญชีผลประโยชน์คงเหลือเพื่อให้ ธปท.นำเงินมาชำระคืนหนี้กองทุนฟื้นฟูฯได้ รวมถึงมีการเปลี่ยนแปลงการลงบัญชีทุนสำรองทางการระหว่างประเทศในส่วนของบัญชีผลประโยชน์ประจำปีและบัญชีสำรองพิเศษ โดยผลขาดทุนจากการตีราคาของ ธปท.ในแต่ละปีให้นำส่งในบัญชีสำรองพิเศษ เพื่อไม่ให้แสดงผลขาดทุนในบัญชีประจำปี งบดุลรายปีของ ธปท.จะแสดงผลกำไรและนำเงินส่งใช้หนี้กองทุนฟื้นฟูฯได้
--อินโฟเควสท์ โดย คลฦ/ศศิธร/ธนวัฏ โทร.0-2253-5050 ต่อ 325 อีเมล์: tanawat@infoquest.co.th--