นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตลาดเงินและบริหารเงินสำรอง ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กล่าวว่า
แนวโน้มค่าเงินบาทในช่วงต่อไปจะลดความผันผวนในลักษณะแข็งค่า เนื่องจากแรงกดดันที่ทำให้เงินบาทแข็งค่ามีลดลง จากการส่งออกที่ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงจากที่เคยเติบโต 17-18% ในช่วงก่อนหน้านี้ และผู้ส่งออกขายดอลลาร์ในปริมาณปกติ
ขณะเดียวกันการนำเข้าจะเร่งตัวขึ้น ตามการลงทุนของทั้งภาครัฐและเอกชน ส่งผลให้เกิดความสมดุลระหว่างรายได้และรายจ่ายต่างประเทศ และในระยะหลังปริมาณเงินทุนไหลเข้าประเทศได้ลดลง โดยเฉพาะเงินลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ เพราะนักลงทุนต่างประเทศเริ่มกังวลต่อความเสี่ยง หลังจากผลดำเนินการไตรมาส 3/50 ของบริษัทจดทะเบียนปรับตัวลดลง
“ปีนี้เงินบาทแข็งค่าขึ้นกว่าเงินในภูมิภาค แต่ระยะหลังเริ่มแข็งค่าขึ้นช้าลง และในที่สุดก็จะปรับตัวอ่อนค่าลง เพราะส่งออกและนำเข้ามีความสมดุลกันมากขึ้น ซึ่งตอนนี้ก็แกว่งตัวน้อยลงแล้ว" นางผ่องเพ็ญ กล่าว
นางผ่องเพ็ญ ยังมองว่า การที่ธนาคารกลางจีนยอมให้ค่าเงินหยวนแข็งค่าขึ้น โดยใช้นโยบายกำหนดค่ากลางของเงินหยวนสูงขึ้นเป็น 7.4938 หยวน/ดอลลาร์สร้างแรงกดต่อการแข็งค่าของเงินในภูมิภาครวมถึงเงินบาทเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากทางการจีนจะค่อยปรับค่าเงินขึ้น ซึ่งเชื่อว่าเฉลี่ยทั้งปีนี้น่าจะกำหนดให้ค่าเงินหยวนแข็งค่าได้เพียง 4% เท่านั้น ขณะเดียวกันธปท.ก็จะดูแลไม่ให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วด้วย
--อินโฟเควสท์ โดย ธปฦ/ศศิธร/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--