คลังเผยหนี้สาธารณะสิ้น ส.ค.อยู่ที่ 37.88% ของ GDP จาก 37.71% สิ้น ก.ค.

          กระทรวงการคลัง แถลงว่า ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 ส.ค.50 มีจำนวน 3,181,180 ล้านบาท หรือร้อยละ 37.88 ของ GDP เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 37.71 ณ สิ้น ก.ค.50
          ยอดหนี้สาธารณะคงค้างดังกล่าว เป็นหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง 2,050,590 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 907,220.73 ล้านบาท หนี้ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน 187,776 ล้านบาท และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ 35,593 ล้านบาท 
          ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อน หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น 14,283 ล้านบาท โดยหนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรงเพิ่มขึ้น 15,533 ล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินเพิ่มขึ้น 6,368 ล้านบาท และหนี้ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ และหนี้หน่วยงานอื่นของรัฐ ลดลง 2,773 ล้านบาท และ 4,844 ล้านบาท ตามลำดับ 
          สำหรับการเพิ่มขึ้นของหนี้สาธารณะเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้านั้น เนื่องจากกระทรวงการคลังได้ออกพันธบัตรชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 28,000 ล้านบาท และชำระคืนเงินกู้ระยะสั้น 12,036 ล้านบาท ส่วนหนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินเพิ่มขึ้นเนื่องจากการกู้เงินโดยการออกพันธบัตรของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) 1,500 ล้านบาท การเบิกจ่ายเงินกู้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินเพิ่มขึ้น 260 ล้านบาท และผลจากอัตราแลกเปลี่ยนทำให้ยอดหนี้สาธารณะคงค้างในรูปเงินเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 167.35 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 5,738 ล้านบาท(อัตราแลกเปลี่ยน 34.2885 บาทต่อเหรียญสหรัฐ)
          หนี้สาธารณะดังกล่าว แยกออกเป็นหนี้ต่างประเทศ 418,731 ล้านบาท หรือร้อยละ 13.16 และหนี้ในประเทศ 2,762,449 ล้านบาท หรือร้อยละ 86.84 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้างตามลำดับ และเป็นหนี้ระยะยาว 2,821,766 ล้านบาท หรือร้อยละ 88.70 และหนี้ระยะสั้น 359,414 ล้านบาท หรือร้อยละ 11.30 ของยอดหนี้สาธารณะคงค้างตามลำดับ