นักเศรษฐศาสตร์หลายรายได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อกรณีที่ฮ่องกงอาจตัดสินใจปรับลดการเก็บภาษีรายได้นิติบุคคลและบุคคลธรรมดาว่า จะช่วยให้ฮ่องกงก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางทางการเงินระดับภูมิภาคเอเชีย
โดนัลด์ ซัง ประธานบริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกง ประกาศว่า การปรับลดภาษีกำไรและเงินเดือนในสัปดาห์หน้า เป็นการทำตามคำมั่นสัญญาระหว่างการหาเสียงเพื่อเข้าดำรงตำแหน่งสูงสุดในฮ่องกงเป็นสมัยที่ 2
หนังสือพิมพ์เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสท์ รายงานว่า อัตราภาษีกำไรและเงินเดือนลดลงเหลือ 15% จากขณะนี้ ภาษีกำไรอยู่ที่ 17.5% และภาษีรายได้ 16%
"การลดภาษีเป็นผลสะท้อนจากการแข่งขันที่ดุเดือดขึ้นจากประเทศอื่นๆในภูมิภาคนี้ เพื่อก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางทางการเงินและธุรกิจของฮ่องกง รัฐบาลได้คืนเงินให้กับประชาชน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ นับเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว" เดวิด โคเฮน ผู้อำนวยการพยากรณ์เศรษฐกิจเอเชีย ประจำ แอ็คชั่น อีโคโนมิคส์ ในสิงคโปร์ กล่าว
ฮ่องกงมีรายได้เพิ่มขึ้นเนื่องจากตลาดหลักทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์เฟื่องฟู โดยรัฐบาลมีงบประมาณที่เกินดุล และสามารถแบกรับภาระแทนภาษีที่หดหายไปได้ ซึ่งการลดภาษีครั้งนี้สอดคล้องกับท่าทีของสิงคโปร์ที่ประกาศลดภาษีไปก่อนหน้า และมีความทะเยอทะยานที่จะเป็นศูนย์กลางการเงินในภูมิภาคนี้เช่นกัน
"มีความวิตกกังวลว่า ฮ่องกงจำเป็นต้องกระตุ้นความสามารถในการแข่งขัน และทางเดียวที่จะทำได้ก็คือการลดภาษี" เควิน เลา นักเศรษฐศาสตร์ประจำธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ในสิงคโปร์ กล่าว
ทั้งนี้ เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง มาเก๊า และสิงคโปร์ ต่างไล่จี้ฮ่องกงมาติดๆ เพื่อแย่งชิงตำแหน่งสำนักงานใหญ่ในเอเชียของธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของโลก บรรษัทเพื่อการลงทุน และประกันภัย รวมทั้งอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ฤดี ภวสิริพร/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--