นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ได้ขอความร่วมมือให้ผู้ผลิตที่ยังสามารถแบกรับภาระต้นทุนได้ให้ตรึงราคาสินค้าไปจนถึงสิ้นปีนี้ ส่วนการปรับขึ้นราคาขอให้เป็นหลังปีใหม่ไปแล้ว แต่ในระหว่างนี้หากรายการใดมีความจำเป็นต้องปรับราคาก็จะพิจารณาให้ โดยยึดหลักต้องไม่กระทบกับอุตสาหกรรมต่อเนื่อง, ไม่กระทบผู้บริโภค และไม่กระทบต่อสังคมโดยรวม
สำหรับสินค้าที่มีต้นทุนเพิ่มขึ้นมากจนขาดทุนและไม่สามารถตรึงราคาต่อไปได้ ได้แก่ น้ำมันปาล์ม ส่วนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ผู้ประกอบการแจ้งว่าจะเริ่มไม่มีกำไรตั้งแต่เดือนพ.ย.เป็นต้นไป เพราะแป้งสาลีซึ่งเป็นต้นทุนหลักปรับราคาขึ้นมาก ส่วนสินค้าของใช้ประจำวัน ผู้ประกอบการแจ้งว่ายังพอมีกำไรอยู่
นายพันธ์ พะเนียงเวทย์ ผู้จัดการสำนักผู้อำนวยการ บมจ.ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ ผู้ผลิตสินค้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป "มาม่า" กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าจะยื่นหนังสือต่อกรมการค้าภายในพร้อมหลักฐานโครงสร้างต้นทุนย้อนหลัง 2 ปี เพื่อขอปรับขึ้นราคาสินค้ามาม่าซอง และมาม่าบรรจุถ้วยอย่างละ 1 บาท เพราะต้นทุนวัตถุดิบโดยเฉพาะข้าวสาลีปรับเพิ่มขึ้น 100% ตั้งแต่ช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ หากไม่สามารถปรับขึ้นราคาได้ บริษัทจะขาดทุนจากการจำหน่ายในเดือนพ.ย-ธ.ค.นี้ พร้อมคาดว่าอย่างเร็วที่สุดจะปรับขึ้นราคาตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.50 หรือช้าสุดไม่เกินวันที่ 1 ม.ค.51
ขณะที่นาวาโทหญิงวรรณพร มาศเกษม นายกสมาคมโรงกลั่นน้ำมันปาล์ม กล่าวว่า สมาคมจะขอปรับขึ้นราคาน้ำมันปาล์มเพิ่มขึ้นอีกขวด (ลิตร) ละ 4-5 บาท เป็นขวดละ 42-43 บาท จากปัจจุบันที่ขวดละ 38 บาท เพราะต้นทุนน้ำมันปาล์มดิบสูงขึ้นมากโดยอยู่ที่ 30 บาท/กก. จากปีที่ผ่านมาที่ 17-18 บาท/กก. ทำให้ขณะนี้ผู้ประกอบแบกรับภาระต้นทุนไม่ไหวและขาดทุนมา 2 เดือนแล้ว จึงจำเป็นต้องขอปรับขึ้นราคา
--อินโฟเควสท์ โดย พณฦ/กษมาพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--