นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือกับ H.E.Mr. Pirkka Tapiola เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย ซึ่งจากการพบปะหารือในครั้งนี้ ได้มีข้อสรุปใน 4 ประเด็นที่สำคัญ คือ
ประเด็นที่หนึ่ง มีความเห็นร่วมกันในการใช้องค์การการค้าโลก (WTO) เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการค้าในระบบพหุภาคี เรื่องการปฏิรูปองค์การการค้าโลกให้มีสมาชิกองค์กรอุทธรณ์ เพื่อมาพิจารณาข้อพิพาทให้ได้โดยเร็ว เร่งสรุปการเจรจาเรื่องการอุดหนุนประมง และเห็นร่วมกันในการส่งเสริมการค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
ประเด็นที่สอง เห็นตรงกันให้สหภาพยุโรป (EU) และไทยทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ซึ่งเป็นนโยบายของกระทรวงพาณิชย์และนโยบายของรัฐบาลที่ได้นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี และขณะนี้อยู่ในขั้นตอนจัดทำกรอบลงมือเจรจา เพื่อใช้เป็นต้นร่างในการนำไปสู่การขอความเห็นชอบจากกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป เพื่อเริ่มการเจรจาอย่างเป็นทางการต่อไป ทั้งนี้ EU คาดหวังว่าไทยจะเป็นประเทศที่ 3 ของอาเซียนที่ทำ FTA กับ EU (2 ประเทศแรก คือ เวียดนามกับสิงคโปร์) ถ้ามีการทำ FTA ไทย-EU เกิดขึ้นจริง ประเทศไทยจะได้รับประโยชน์เรื่องการค้าและการลงทุน
ประเด็นที่สาม เรื่องวัคซีน เห็นตรงกันเรื่องให้มีการบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตร (CL) วัคซีนเกิดขึ้น เพื่อให้ทุกประเทศสามารถเข้าถึงวัคซีนได้ โดยจะดำเนินการเจรจาใน WTO ก่อนที่จะมีการประชุมใหญ่ 30 พฤศจิกายน 2564 เพื่อให้ได้แนวทางที่ชัดเจน
ประเด็นที่สี่ ได้เชิญภาคเอกชนของ EU เข้าร่วมงานแสดงสินค้าของประเทศไทย ในช่วงเดือนกรกฎาคม-ธันวาคมปีนี้ ซึ่งจะมีการทำ Online Business Matching ระหว่างไทยกับผู้นำเข้ากลุ่มประเทศสหภาพยุโรป เช่น สเปน เดนมาร์ก อิตาลี เป็นต้น โดยประเทศไทยจะจัดงานแสดงสินค้าหลายกลุ่ม เช่น กลุ่มอาหาร ผลไม้ เครื่องดื่ม กลุ่มเครื่องมือแพทย์ กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า กลุ่มยางพารา และผลิตภัณฑ์ยาง เป็นต้น