ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ในปี 51 เวียดนามจะกลับเข้ามาเป็นคู่แข่งขันสำคัญของข้าวไทยในตลาดโลกอีกครั้งหนึ่งโดยเฉพาะการแข่งขันด้านราคาเช่นเดียวกับช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากเวียดนามตั้งเป้าส่งออกข้าวปีหน้าเพิ่มขึ้นเป็น 4.8-4.9 ล้านตัน จากปีนี้อยู่ที่ 4.7 ล้านตัน เพราะคาดว่าผลผลิตข้าวปี 50/51 จะเพิ่มขึ้น 1.3% จากปี 49/50 ขณะที่ไทยเองคาดว่าผลผลิตข้าวปี 50/51 จะเพิ่มขึ้น 1.6%
ผู้ส่งออกข้าวของไทยต้องเตรียมพร้อมที่จะรับมือ โดยเฉพาะมาตรการเจาะตลาด ขยายตลาดและรักษาตลาดข้าวเดิมไว้ รวมทั้งต้องติดตามการวิจัยและพัฒนาข้าวของเวียดนาม โดยเฉพาะการปรับปรุงพันธุ์ข้าวหอมและข้าวพันธุ์ดี รวมทั้งการปรับปรุงระบบไซโล การคัดแยกและจัดมาตรฐานข้าว ตลอดจนการขนส่งให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ในอนาคตเวียดนามจะก้าวขึ้นมาแข่งขันกับไทยในการส่งออกข้าวคุณภาพดี โดยเฉพาะข้าว 100% และข้าวหอม จากปัจจุบันที่เวียดนามเป็นคู่แข่งของไทยในการส่งออกข้าวคุณภาพปานกลางถึงต่ำ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ในระยะ 3-4 ปีจากนี้ไป(51-54) แม้ไทยจะยังคงเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับหนึ่งของโลกต่อไป แต่เวียดนามก็ยังเป็นคู่แข่งที่ไทยต้องจับตามอง เนื่องจากกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทของเวียดนามกำหนดยุทธศาสตร์ข้าวไว้โดยตั้งเป้าจะเพิ่มผลผลิตข้าวให้ได้ 36 ล้านตัน/ปี ภายในปี 53 ทั้งนี้เพื่อรักษาปริมาณการส่งออกข้าวให้อยู่ในระดับ 4 ล้านตัน/ปี นอกจากนี้รัฐบาลเวียดนามยังเน้นการส่งเสริมและพัฒนาข้าวคุณภาพดีเพื่อการส่งออกมากขึ้น
ประเด็นที่น่าสนใจคือระยะ 2-3 ปีข้างหน้า ทั้งไทยและเวียดนามต่างมีนโยบายที่จะเร่งปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต โดยเฉพาะการปรับปรุงพันธุ์ข้าว, การปรับปรุงการขนส่งเพื่อรักษาคุณภาพข้าวและลดต้นทุนการขนส่ง ซึ่งจะส่งผลให้ราคาข้าวส่งออกนั้นสามารถแข่งขันได้มากขึ้น
ดังนั้นภาคเอกชนของไทยนั้นต้องเร่งส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเพื่อหาตลาดข้าวเฉพาะ จากเดิมที่ไทยมีเพียงข้าวหอมมะลิและข้าวอินทรีย์เป็นจุดขายสำคัญ ตลอดจนการวิจัยและพัฒนาโดยมุ่งตอบสนองความต้องการของตลาดที่ต้องการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ เช่น การพัฒนาพันธุ์ข้าวพื้นเมือง, ข้าวเคลือบสมุนไพร และผลิตภัณฑ์ข้าวโดยเฉพาะขนมขบเคี้ยวจากข้าว เป็นต้น
--อินโฟเควสท์ โดย กษมาพร กิตติสัมพันธ์/ธนวัฏ โทร.0-2253-5050 ต่อ 325 อีเมล์: tanawat@infoquest.co.th--