นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย อธิบดีกรมท่าอากาศยาน (ทย.) เปิดเผยว่า จากการประชุม IATA Slot Conference เพื่อให้ท่าอากาศยานและสายการบิน ได้ประชุมร่วมกันเพื่อเจรจาตารางการบิน หรือเวลาที่จะทำการบินเข้า-ออกท่าอากาศยานต่างๆ ซึ่งครั้งนี้กรมท่าอากาศยาน ได้เข้าร่วมเจรจาและจัดสรรตารางการบินประจำฤดูหนาว 2564/2565 (31 ตุลาคม 2564 - 26 มีนาคม 2565) โดยในครั้งนี้ มีสายการบินได้ทำการนัดหมายประชุมกับคณะผู้แทนของกรมท่าอากาศยาน จำนวน 5 สายการบิน เพื่อขอจัดสรรเวลาหรือขอปรับเปลี่ยนเวลาเข้า-ออกท่าอากาศยานกระบี่
โดยภายหลังจากการประชุมหารือร่วมกัน กรมท่าอากาศยานสามารถจัดสรรได้ตามเวลาที่สายการบินต้องการหรือเวลาที่ยอมรับได้ โดยมีสายการบินต่างประเทศที่จะทำการบินเส้นทางกระบี่ ดังนี้
1. Sichuan Airlines เส้นทาง เฉิงตู-กระบี่ และกลับ สัปดาห์ละ 4 เที่ยวบิน
2. Spring Airlines เส้นทาง เฉิงตู-กระบี่ และกลับ สัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน เซินเจิ้น-กระบี่ และกลับ สัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน
3. AirAsia Berhad เส้นทาง กัวลาลัมเปอร์-กระบี่ และกลับ สัปดาห์ละ 28 เที่ยวบิน
4. Finnair เส้นทาง เฮลซิงกิ-กระบี่ และกลับ สัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน
5. Norwegian เส้นทาง ออสโล-กระบี่ และกลับ สัปดาห์ละ 1 เที่ยวบิน
6. Shanghai Airline เส้นทาง เซี่ยงไฮ้-กระบี่ และกลับ สัปดาห์ละ 7 เที่ยวบิน
7. China Eastern เส้นทาง อุรุมชี-เหอเฟ่ย-กระบี่ และกลับ สัปดาห์ละ 7 เที่ยวบิน
8. Scoot Tigerair เส้นทาง สิงคโปร์-กระบี่ และกลับ สัปดาห์ละ 10 เที่ยวบิน
และสายการบินทำการบินแบบเช่าเหมาลำ คือ TUI fly Nordic เส้นทาง โคเปนเฮเกน, กอเทนเบิร์ก, เฮลซิงกิ, สตอกโฮล์ม-กระบี่ จำนวน 16 เที่ยวบิน (ระหว่างวันที่ 7 พฤศจิกายน 2564 - 26 มีนาคม 2565)
อธิบดีกรมท่าอากาศยาน กล่าวว่า การประชุมจัดสรรเวลาเที่ยวบินในตารางบินฤดูหนาว 2564/2565 ในครั้งนี้ กรมท่าอากาศยานได้ให้ข้อมูลการพัฒนาท่าอากาศยานกระบี่ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการขยายขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารและเที่ยวบินให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้สายการบินนำข้อมูลไปพิจารณาเปิดทำการบินเส้นทางใหม่ หรือเพิ่มเที่ยวบินมายังท่าอากาศยานกระบี่ได้
โดยกรมท่าอากาศยาน มีการเตรียมความพร้อมมาตรการในการรองรับผู้โดยสารและนักท่องเที่ยว หากรัฐบาลประกาศเปิดประเทศและผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ซึ่งปัจจุบันกรมท่าอากาศยานได้มีการดำเนินงานตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงคมนาคมอย่างเคร่งครัด ทั้งการคัดกรองผู้โดยสาร การเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) การดูแลความสะอาดภายในอาคารที่พักผู้โดยสาร เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้โดยสาร รวมถึงความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานอีกด้วย