นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า กนอ.ตั้งเป้าลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในนิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศให้ได้ 2.5 ล้านกิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (kgCO2e) ภายใน 5 ปี (64-68) หรือปีละ 500,000 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (kgCO2e)
ทั้งนี้ กนอ.ได้ดำเนินงานการพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงนิเวศเพื่อส่งเสริมให้เกิดระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และระบบเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) ภายใต้นโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG Model) ซึ่งสอดคล้องตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) ในยุทธศาสตร์ที่ 5 ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และแผนวิสาหกิจ กนอ. (พ.ศ. 2561-2565) ในยุทธศาสตร์ที่ 2 พัฒนาและบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วมและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมสู่ความยั่งยืน (Green Strategy)
สำหรับปีนี้ กนอ.ได้จัดทำแนวทางเพิ่มค่าประสิทธิภาพเชิงนิเวศเศรษฐกิจ (Eco-Efficiency) เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบาย BCG Model ของรัฐบาล โดยคาดว่าจะสามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ คือประมาณกว่า 700,000 KgCO2e จากการให้บริการสาธารณูปโภคของนิคมอุตสาหกรรม/ท่าเรืออุตสาหกรรมที่ กนอ.ดำเนินการเอง รวมทั้ง กนอ.สำนักงานใหญ่
โดยเป็นการดำเนินงานผ่านแผนงานการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกของ กนอ. อาทิ การติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปบนอาคารสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมบางปูและนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง การติดตั้งโซล่าเซลล์ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดและท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด การนำวัสดุที่ไม่ใช้แล้วและของเสียอุตสาหกรรมกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ การสนับสนุนให้โรงงานเก็บสถิติก๊าซเรือนกระจกเบื้องต้นและขึ้นทะเบียนคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (CFO) เพื่อลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเพื่อสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ กนอ.ยังมีโครงการสนับสนุนส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรเพื่อให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และโครงการส่งเสริมสนับสนุนโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Factory) ที่ดำเนินงานเพื่อสนับสนุนให้เกิดเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) อีกด้วย