น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากรสำหรับมาตรการทางภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคเพื่อแก้ไขปัญหาโรคโควิด-19
สาระสำคัญจะเป็นการขยายเวลายกเว้นภาษีให้แก่บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่บริจาคเงินหรือทรัพย์สินผ่านระบบบริการอิเล็กทรอนิคส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากร และยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับผู้ประกอบการที่ได้บริจาคสินค้าให้แก่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโรคโควิด-19 ซึ่งสิ้นสุดมาตรการไปเมื่อวันที่ 5 มี.ค.64 โดยการขยายเวลารอบนี้มีผลตั้งแต่การบริจาคในวันที่ 6 มี.ค.64-5 มี.ค.65 หรือขยายเวลาออกไปอีก 1 ปี
สำหรับในส่วนของบุคคลธรรมดากำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อนเท่าจำนวนเงินที่บริจาค เมื่อรวมกับเงินบริจาคแล้วต้องไม่เกิน 10% ของเงินได้พึงประเมินหลังหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อน สำหรับบริษัทหรือนิติบุคคล ให้ยกเว้นภาษีสำหรับเงินได้เท่าจำนวนเงินหรือราคาทรัพย์สินที่บริจาค แต่เมื่อรวมกับรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะแล้ว ต้องไม่เกิน 2% ของกำไรสุทธิ
ทั้งนี้ คาดว่าภาครัฐจะสูญเสียรายได้ประมาณ 5 ล้านบาท แต่จะเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนและภาคเอกชนได้มีส่วนในการแก้ไขปัญหาโรคโควิด-19 นอกจากนี้ยังช่วยลดภาระการจัดสรรงบประมาณของภาครัฐด้วย