ผู้บริโภคชาวยุโรปต้องแบกรับภาระค่าอาหารที่พุ่งขึ้นไม่หยุดยั้ง ซึ่งบริษัทผู้จำหน่ายอ้างว่ามีสาเหตุจากต้นทุนผลิตภัณฑ์เกษตรทั่วโลกสูงขึ้น
"ราคาอาหารไม่ว่าจะเป็นนม เนย และพาสต้าต่างเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 20-25% และผลิตภัณฑ์แปรรูป อาทิ โยเกิร์ต ชีส และซีเรียลอาหารเช้าก็เริ่มได้รับผลกระทบ ซึ่งคาดว่าจะแพงขึ้น 10% ภายในสิ้นปีนี้" ฌอน-ปิแอร์ โรว์แลนด์ ผู้อำนวยการโคลรอยท์ เชนซูเปอร์มาร์เก็ตของเบลเยี่ยมกล่าว
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียล รายงานว่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทางการเกษตรสูงขึ้นทั่วโลก เนื่องจากอุปสงค์ในประเทศกำลังพัฒนาที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก กอปรกับภาวะอากาศแปรปรวนทำให้การเก็บเกี่ยวพืชผลลดลง และการใช้พื้นที่เพาะปลูกพืชเพื่อผลิตพลังงานชีวภาพก็เป็นปัจจัยที่ดันให้ราคาอาหารแพงขึ้น
ดานอน ยักษ์ใหญ่ด้านอาหารของฝรั่งเศส วางแผนปรับเพิ่มราคาสินค้าเฉลี่ยกับผู้ค้าปลีก 10.48% ในฝรั่งเศสเดือนพฤศจิกายนนี้ ขณะที่ แลคทาลิส ผู้ผลิตชีสรายใหญ่อันดับ 2 ของยุโรป ก็เตรียมปรับขึ้นราคาสินค้าราว 15-17% ในช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้
ราคาอาหารที่ทะยานขึ้นเริ่มเห็นผลในรายงานเงินเฟ้อโดยรวม เนื่องจากเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในยุโรปให้เพิ่มสูงขึ้น
ซิลเวน โบรเยอร์ นักเศรษฐศาสตร์ประจำธนาคารนาติซิสในฝรั่งเศส กล่าวว่า แม้อาหารแปรรูปจะคิดเป็นสัดส่วนเพียง 12% การบริโภคครัวเรือนในแต่ละปี แต่ก็เพียงพอที่จะมีส่วนให้เงินเฟ้อในครัวเรือนของยุโรปเพิ่มสูงขึ้น ผู้บริโภคมักอ่อนไหวเป็นพิเศษกับการจับจ่ายประจำวัน และยิ่งเป็นผลิตภัณฑ์เช่นอาหารด้วยแล้วก็จะรู้สึกอ่อนไหวมากขึ้นไปอีก
ทั้งนี้ ซาเวียร์ ดูเรียว เลขาธิการสมาคมพาณิชย์ยูโรผู้ค้าปลีกและค้าส่งยุโรป กล่าวว่า ผู้บริโภคต้องเผชิญกับภาวะราคาสินค้าที่ถีบตัวขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่ราคาอาหารทรงตัวมาหลายทศวรรษ
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ฤดี ภวสิริพร/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--