นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า กนอ.ได้หารือร่วมกับบริษัท ทรานส์ ไทย-มาเลเซีย (ประเทศไทย) จำกัด (TTM) ซึ่งดำเนินธุรกิจโรงแยกก๊าซธรรมชาติและท่อส่งก๊าซธรรมชาติจากพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย และ บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) ในเครือ ปตท. (PTT) ที่ดำเนินธุรกิจด้านพลังงานไฟฟ้า เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้าในนิคมอุตสาหกรรม คาดว่าจะนำไปสู่การลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ร่วมกันต่อไปในอนาคต เนื่องจากเล็งเห็นว่าเรื่องพลังงานเป็นประเด็นสำคัญต่อการดำเนินงานของภาคอุตสาหกรรมและต่อการตัดสินใจลงทุนในนิคมอุตสาหกรรม จึงควรสร้างเสถียรภาพของพลังงานไฟฟ้าในพื้นที่ ประกอบกับแนวโน้มความต้องการใช้พลังงานสะอาดและราคาถูกจากเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติที่เพิ่มขึ้น
"ผมได้เสนอให้มีการตั้งทีมขึ้นมาโดยมีตัวแทนจาก กนอ. TTM และ GPSC เพื่อหารือถึงการทำบันทึกความตกลงร่วมกันเพื่อร่วมกันศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาเสถียรภาพทางพลังงานไฟฟ้าและเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติเพื่ออุตสาหกรรมในเขตพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ (ฉลุง) จังหวัดสงขลา และนิคมอุตสาหกรรมยางพารา (Rubber City) จังหวัดสงขลา รวมทั้งพิจารณาศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดหาพลังงานและการให้บริการเชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติเพื่อเป็นทางเลือกและเพิ่มศักยภาพให้กับอุตสาหกรรมทั้งในปัจจุบันและการลงทุนในอนาคตด้วย" นายวีริศ กล่าว
ปัจจุบันอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ในนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ และนิคมอุตสาหกรรมยางพาราเป็นอุตสาหกรรมโรงซ่อมบำรุงอุปกรณ์ขุดเจาะและสำรวจปิโตรเลียม อุตสาหกรรมประเภทยางแปรรูป เช่น ผลิตยางรถยนต์ ถุงมือยางสำหรับการแพทย์ ถุงยางอนามัย ยางผสม ที่นอนยางพารา และแผ่นยิปซัม เป็นต้น คาดว่าหากการเจรจาบรรลุผลและนำไปสู่การลงนามร่วมกันได้แล้วจะช่วยเสริมสร้างศักยภาพด้านพลังงานไฟฟ้าในภาคใต้และสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนเพื่อพิจารณาประกอบการตัดสินใจในการขยายธุรกิจต่อไป
สำหรับ TTM ตั้งอยู่ตำบลตลิ่งชัน อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ดำเนินธุรกิจโรงแยกก๊าซธรรมชาติและท่อส่งก๊าซธรรมชาติจากพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย ร่วมกับ GPSC ซึ่งดำเนินธุรกิจด้านพลังงานไฟฟ้า อยู่ภายใต้กลุ่มบริษัทในเครือ PTT ทั้งสองบริษัทกำลังดำเนินการทำบันทึกความตกลงเพื่อร่วมกันศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาโครงการด้านพลังงานไฟฟ้าในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย