สมาคมขนส่งสินค้าเพื่อการนำเข้าและส่งออก เตรียมปรับราคาค่าขนส่งขึ้นอีก 3-5% ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.นี้ หากกระทรวงคมนาคมไม่สามารถแก้ไขอุปสรรคด้านการขนส่งสินค้าให้ได้ เนื่องจากมีภาระต้นทุนจากราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
"ในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ ผู้ประกอบการขนส่งสินค้านำเข้าและส่งออกจะปรับอัตราค่าขนส่งเพิ่มขึ้นอีก 3-5% ซึ่งเป็นการปรับค่าขนส่งตามต้นทุนราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น" นายทองอยู่ คงขันธ์ เลขาธิการสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ในฐานะนายกสมาคมขนส่งสินค้าเพื่อการนำเข้าและส่งออก กล่าว
ก่อนหน้านี้ สหพันธ์ฯ ได้เสนอให้กระทรวงพลังงานยกเลิกการเก็บเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนของน้ำมันดีเซลเป็นการชั่วคราว เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการขนส่งสินค้าที่ต้องแบกรับภาระต้นทุนราคาน้ำมันแพง แต่กระทรวงพลังงานไม่สามารถดำเนินการตามข้อเสนอดังกล่าวได้
"อัตราค่าขนส่งสินค้านำเข้าและส่งออกในปัจจุบันคิดบนพื้นฐานราคาน้ำมันดีเซลลิตรละ 22 บาท แต่ขณะนี้ราคาน้ำมันสูงถึงลิตรละ 27.34 บาทแล้วจึงจำเป็นต้องปรับค่าขนส่ง โดยยังตรึงอัตราค่าขนส่งสำหรับสินค้าภายในประเทศไปก่อน เพราะไม่ต้องการให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน เพราะหากค่าขนส่งสินค้าภายในประเทศเพิ่มราคาสินค้าอุปโภคบริโภคก็จะเพิ่มตามด้วย" นายทองอยู่ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ทางสมาคมฯ พร้อมชะลอการปรับขึ้นค่าขนส่ง หากในระหว่างนี้จนถึงวันที่ 1 พ.ย.50 กระทรวงคมนาคมเร่งดำเนินการแก้ปัญหาตามข้อเสนอ ได้แก่ การแก้กฎกระทรวงเรื่องการจำกัดความสูงของตู้คอนเทนเนอร์ที่กำหนดให้มีความสูงจากพื้นรวมไม่เกิน 4.20 เมตร แต่ปัจจุบันผู้ประกอบการใช้อยู่ที่ 4.60 เมตร ซึ่งเป็นความสูงสากลทั่วโลก
การแก้ไข พ.ร.บ.ทางหลวง พ.ศ.2535 มาตรา 61 และ 59 ว่าด้วยความผิดกรณีบรรทุกน้ำหนักเกิน กรณีที่กำหนดลงโทษคนขับรถด้วยการปรับและจำคุกให้เหลือเพียงการปรับเพราะเห็นว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ และเร่งก่อสร้างด่านชั่งน้ำหนักถาวรเพิ่มเติมจากเดิมที่มีอยู่ 40 จุดเป็น 84-96 จุด
ด้าน พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ รมว.คมนาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมพร้อมรับข้อเสนอของสหพันธ์ฯ ไปปรับปรุงเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ขนส่งสินค้า โดยเฉพาะเรื่องความสูงของคอนเทนเนอร์นั้น อาจมีการแก้กฎหมายให้ลดความสูงของฐานรับน้ำหนักรถ ซึ่งปัจจุบันสูงเกินไปจนส่งผลให้ความสูงของรถรวมเกิน 4.2 เมตร
--อินโฟเควสท์ โดย คคฦ/ธนวัฏ/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--