นักวิเคราะห์สหรัฐคาดเฟดลดดบ.ไม่ช่วยเยียวยาตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้

          นักวิเคราะห์ในสหรัฐคาดการณ์ว่า แม้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก ก็อาจจะไม่สามารถกอบกู้สถานะของธนาคารพาณิชย์และธุรกิจสร้างบ้านภายในประเทศให้ฟื้นตัวขึ้นได้ในระยะใกล้นี้
          ตลาดวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นลงอีกอย่างน้อย 0.25% ในการประชุมซึ่งจะเสร็จสิ้นในคืนพุธที่ 31 ต.ค.ตามเวลาประเทศไทย เพื่อเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้นหลังจากถูกกระทบอย่างหนักจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ตกต่ำลงและจากปัญหาที่เกิดขึ้นในตลาดสินเชื่อ อีกทั้งคาดว่า ในอีก 12-18 เดือนข้างหน้านี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
          อย่างไรก็ตาม นายสตีฟ อีสท์ หัวหน้านักวิเคราะห์จากวาณิชธนกิจ เฟร็ดแมน บิลลิงส์ แรมซีย์ แอนด์ โค กล่าวว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยไม่ได้ช่วยธนาคารพาณิชย์ที่ปล่อยกู้จำนองและบริษัทสร้างบ้านมากนัก เนื่องจากปัญหาในตลาดอสังหาริมทรัพย์และในตลาดสินเชื่อไม่ใช่ปัญหาเล็กๆที่จะแก้ไขให้หมดไปได้ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียว
          ด้านนายเดวิด โกลด์เบิร์ก นักวิเคราะห์จากธนาคารยูบีเอสกล่าวว่า บริษัทรับสร้างบ้านในสหรัฐที่กำลังประสบความยากลำบาก อาทิ บริษัทดีอาร์ ฮอร์ตัน บริษัทเลนนาร์ คอร์ป และบริษัทพัลท์ โฮมส์ ต่างก็เผชิญกับมาตรฐานการปล่อยกู้ที่เข้มงวดขึ้นและความต้องการสร้างบ้านที่อยู่ในวงจำกัดมากขึ้น ทั้งนี้ เนื่องจากกลุ่มผู้ซื้อบ้านจำนวนมากไม่ได้ผ่านคุณสมบัติให้กู้ยืมเงิน แม้อัตราดอกเบี้ยปรับตัวลดลงก็ตาม
          "การปรับลดอัตราดอกเบี้ยไม่ได้ช่วยเยียวยาภาวะซบเซาในตลาดอสังหาริมทรัพย์ให้หมดไปได้" เขากล่าว
          ขณะที่นายเจฟเฟอร์สัน ฮาร์ราลสัน นักวิเคราะห์จากธนาคารคีเฟ บรูเยต์ แอนด์ วู้ดส์ กล่าวว่า ธนาคารพาณิชย์และผู้ประกอบการที่ประสบภาวะขาดทุนมีจำนวนมากขึ้น ไม่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ก็ตาม สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน