น.ส.กิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการวิจัย นโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศและการพัฒนา และผู้อำนวยการโครงการวิเคราะห์เศรษฐกิจเชิงลึก สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) คาดว่า เศรษฐกิจไทยในปี 64 จะเติบโตได้ที่ 1.5% จากความไม่แน่นอนในการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ซึ่งกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในปีนี้ให้ลดลงเหลือประมาณ 5 แสนคน จากเดิมที่เคยคาดไว้ว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 1 ล้านคน ถึงแม้สถานการณ์โดยรวมของการระบาดครั้งนี้จะไม่รุนแรงเท่าปีที่แล้วที่มีการล็อกดาวน์ทุกภาคส่วน แต่การระบาดครั้งนี้ ส่งผลกระทบต่อภาคบริการพอสมควร
ทั้งนี้ มีข้อเสนอต่อภาครัฐที่นอกเหนือจากการเยียวยาช่วยเหลือแจกเงินแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบแล้ว คือจะต้องมีการช่วยเหลือผู้ประกอบการ และ SMEs ในภาคบริการที่ได้รับผลกระทบด้วย โดยภาครัฐอาจออกมาตรการแจกเงินแก่ผู้ประกอบการตามจำนวนลูกจ้างในธุรกิจ เช่น ถ้ามีลูกจ้าง 10 คน อาจจะให้เงินแก่ลูกจ้างคนละ 3,000 บาท/เดือน ผู้ประกอบการก็จะได้เงินทั้งหมด 30,000 บาท/เดือน เป็นต้น เป็นการช่วยพยุงธุรกิจให้สามารถอยู่ได้ และรักษาการจ้างงานไว้ เพื่อให้ธุรกิจสามารถกลับมาดำเนินงานได้หลังจากคลายล็อคดาวน์
ขณะที่งบประมาณสำหรับการเยียวยาในครั้งนี้ มองว่ายังมีเพียงพอ เนื่องจาก พ.ร.ก.กู้เงินฯ ฉบับเก่า จำนวน 1 ล้านล้านบาท ขณะนี้ยังมีวงเงินเหลืออยู่ประมาณ 3 แสนล้านบาทที่ยังไม่ได้ใช้ นอกจากนี้ ยังมีวงเงินจาก พ.ร.ก.เงินกู้ฯ รอบใหม่ อีกจำนวน 5 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตามเ นื่องจากมีการดำเนินการที่ล่าช้า จึงส่งผลให้ไม่สามารถออกมาตรการเยียวยาประชาชนได้ทันมาตรการล็อกดาวน์ในครั้งนี้