นายณอคุณ สิทธิพงศ์ รองปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการกำกับดูแลอัตราค่าไฟฟ้าและค่าบริการ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการฯ วันนี้มีมติเห็นชอบให้ปรับลดอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ(เอฟที)ที่จะเรียกเก็บในงวดต่อไป คือ ในช่วงเดือน ต.ค.50-ม.ค.51 ลง 2.31 สตางค์/หน่วย จากเดิมช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ย.50 ที่ระดับ 68.42 สตางค์ มาอยู่ที่ 66.11 สตางค์/หน่วย ซึ่งเมื่อรวมกับค่าไฟฟ้าฐานที่ระดับ 2.25 บาท/หน่วยแล้วทำให้ค่าไฟฟ้าที่จะเรียกเก็บจากผู้ใช้อยู่ที่ 2.91 บาท/หน่วย หรือลดลงจากเดิม 0.79%
"สาเหตุที่ทำให้ค่าเอฟทีลดลงเนื่องจากคาดการณ์ว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าในช่วงเดือน ต.ค.50-ม.ค.51 จะลดลงจากช่วงก่อน 2,570 ล้านหน่วย แม้ราคาต้นทุนเชื้อเพลิงจะปรับตัวสูงขึ้น" นายณอคุณ ระบุ
ก่อนหน้านี้การใช้น้ำมันเตาเพื่อผลิตไฟฟ้าลดลง 409 ล้านลิตร แต่การผลิตไฟฟ้าจากพลังน้ำและก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น 599 ล้านหน่วย และ 1,162 ล้านหน่วยตามลำดับ ซึ่งช่วยให้ลดค่าเอฟทีได้ 1.79 สตางค์/หน่วย
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มราคาก๊าซธรรมชาติในช่วง 4 เดือนข้างหน้ามีโอกาสปรับสูงขึ้นจาก 193 บาท/ล้านบีทียู เป็น 197 บาท/ล้านบีทียู ซึ่งจะส่งผลให้ค่าเอฟทีในช่วงเดือน ก.พ.-พ.ค.51 มีโอกาสปรับสูงขึ้น
นายณอคุณ กล่าวว่า กระทรวงพลังงานพยายามเร่งรัดให้มีการนำเชื้อเพลิงชนิดอื่นมาใช้ในการผลิตไฟฟ้าแทนน้ำมันเตาและก๊าซธรรมชาติ โดยเบื้องต้นคาดว่าในเดือน ม.ค.51จะได้ก๊าซธรรมชาติจากแหล่งเจดีเอในพม่าจำนวน 200 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน และแหล่งอาทิตย์อีก 200-300 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน ซึ่งจะนำมาใช้ผลิตไฟฟ้าทดแทนการใช้น้ำมันเตาเพื่อผลิตไฟฟ้าจำนวน 2,691 ล้านหน่วย
แหล่งข่าว กล่าวว่า หากไม่มีการนำพลังงานชนิดอื่นมาใช้ทดแทนน้ำมันเตาจะส่งผลให้ค่าเอฟทีงวดเดือน ก.พ.-พ.ค.51 ปรับเพิ่มขึ้น 7 สตางค์/หน่วย แต่เมื่อนำก๊าซธรรมชาติมาใช้ทดแทนแล้วจะทำให้ค่าเอฟทีเพิ่มขึ้นเพียง 3-4 สตางค์/หน่วย
--อินโฟเควสท์ โดย อตฦ/ศศิธร/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--